ฉันมีอนิเมชั่นการ์ตูนมา รีวิวStrange World ซึ่งเรื่องนี้นอกจากภาพยนตร์ใต้ชายคามาร์เวล สตูดิโอแล้ว และพิกซาร์ ซึ่งในปีนี้ภาพยนตร์หรือแอนิเมชันที่ยี่ห้อดิสนีย์ แล้วกลับถูกขนไปลงบริการสตรีมมิงอย่างดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ ซะส่วนใหญ่ทั้งหนังไลฟ์แอ็กชัน

หรือแอนิเมชันพิกซาร์ต่าง ๆ และเมื่อถึงปลายปีแบบนี้ตามธรรมเนียมว่าดิสนีย์จะส่งภาพยนตร์แอนิเมชันมาเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าซึ่ง Strange World เรื่องนี้ได้ถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่มอบความสุขแก่ผู้ชมในโอกาสพิเศษนี้ ด้วยการพยายามสอดแทรกความหลากหลายทางเชื้อชาติ สีผิว เพศ

และลักษณะทางกายภาพเข้าไปในผลงานในเครือทุกครั้งที่มีโอกาส ที่ดิสนีย์กำลังพยายามทำนั้นเลยเหมือนเลยกลายทำให้เป็นไวรัลต่าง ๆ บนสื่ออินเตอร์เน็ตมากมาย จึงทำให้เป็นที่สนใจมาก และเรื่องนี้ก็ถือเป็นหนึ่งในนั้นด้วย เรามาดูกันว่าเรื่องนี้จะทำให้เราผิดหวังหรือไม่ ถ้าหากกำลังมองหาเว็บดูหนังดี ๆ ไม่มีโฆษณา สามารถเข้ารับชมได้ที่ ดูหนังออนไลน์

รีวิวStrange World อนิเมชั่น ลุยโลกลึกลับ เรื่องราวอันตรายที่ต้องเผชิญ

รีวิวStrange World อนิเมชั่น ลุยโลกลึกลับ เรื่องราวอันตรายที่ต้องเผชิญ

รีวิวStrange World เรื่องย่อ

ฉันขอเริ่มที่เรื่องราวของเรื่องนี้ Strange World ก่อนล่ะกันนะ โดยที่เรื่องราวของหนังเริ่มขึ้นเมื่อสองพ่อลูกนักสำรวจ เยเกอร์ และเสิร์ชเชอร์ออกเดินทางเพื่อค้นพบโลกใบใหม่ แต่เป็นพืชพันธุ์สีเขียวที่ชื่อว่าแพนโดทำให้เสิร์ชเชอร์เปลี่ยนใจนำมันกลับไปสร้างชื่อยังอวาโลเนีย

ได้ปล่อยให้เยเกอร์เดินทางออกสำรวจโลกตามลำพัง 25 ปีต่อมาเสิร์ชเชอร์ได้สร้างครอบครัว และมีลูกชายอย่างอีธาน ผู้กำลังค้นหาตัวตนและกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งรักและเขินอายทุกครั้งเมื่อได้พบกับดีอาโซ่ หนุ่มแสนเท่ที่เขาแอบหมายปอง

แต่พอเมื่อเกิดวิกฤติพืชพันธุ์ ในอวาโลเนียกำลังล้มตาย เสิร์ชเชอร์พร้อมด้วยครอบครัวของเขาจำต้องออกผจญภัยอีกครั้ง เพื่อกอบกู้แหล่งพลังงานของแพนโด เพื่อให้พืชพันธุ์ของพวกเขากลับฟื้นคืนมาอีกครั้ง

ในขณะเดียวกันการเดินทางครั้งนี้อาจทำให้อีธานค้นพบตัวเอง และกล้าพอที่จะบอกความปรารถนาลึก ๆ ในใจกับพ่อของเขาเสียที หลังจากที่เขาเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้นาน

และในส่วนผสมที่เพิ่มความสดใหม่มาก ๆ ได้แก่การกลับมาร่วมงานกันของ ดอน ฮอลล์ และ คี เหงียน จากเรื่อง Raya and the Last Dragon ที่นำเสนอวัฒนธรรมร่วมของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ได้น่าตื่นตาตื่นใจมาแล้ว แถมยังมีเนื้อเรื่องที่สนุกสนานพาขำ

ซึ่งคราวนี้เหงียนได้ก้าวมาทำหน้าที่กำกับร่วมอีกด้วย ซึ่งบทหนังยอมรับเลยว่าเหงียนเลือกแนวเรื่อง Genre ที่มีความดิสนีย์มาก ๆ อย่างการผจญภัย และครอบครัวมาสวมทับด้วยจินตนาการแสนบรรเจิด

และความเคลื่อนไหวของสังคม โดยเฉพาะที่เราต้องเน้นย้ำว่านี่คือแอนิเมชันดิสนีย์เรื่องแรกเลยที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่มสองคนในเชิงโรแมนติก แม้จะยังไม่ใช่พลอตหลัก แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เท่านั้นนะ

รีวิวStrange World เรื่องย่อ

แต่ที่แน่นอนเลยล่ะ ว่าตัวหนัง Strange World เรื่องย่อ อาจจะได้รับการรับชมมากขึ้น เมื่อฉายทางสตรีมมิง และถึงวันนั้นไม่แน่เราอาจจะได้รับรู้ความเห็นของพ่อแม่ที่มีต่อประเด็นนี้ชัดเจนขึ้น แต่หากให้พูดถึงความดีงามของมันก็คงหนีไม่พ้นนี่จะเป็นอำนาจละมุน ที่จะทำให้ทุกคนในครอบครัวได้ซึมซับถึงความหลากหลายทางเพศได้แบบแนบเนียน

และไม่ก้าวร้าวเกินไป เมื่อได้รู้ว่าทุกวันนี้โลกได้ไปถึงไหนแล้ว ความคิอแบบใหม่เป็นยังไง ด้วยการทำให้ความรักระหว่างเพศเดียวกันดูปกติมาก ๆ เลยทำให้ เรื่องนี้ที่เป็นชื่อหนังกลายเป็นโลกในอุดมคติสำหรับการอยู่ร่วมกันก็เป็นได้ครับ

แต่ ๆ ที่เห็นเรายกประเด็นสังคมขึ้นมาอย่าคิดว่ามันจะไม่เหมาะกับคุณหนู ๆ นะ เพราะมันยังมีเจ้าหมาน้อยแสนน่ารักผสมความกวนนิด ๆ รวมถึงเหล่าเอเลียนน่ารักน่ากอดปรากฎกายอยู่เต็มจอไปหมด

ซึ่งบอกได้เลยว่าเรื่องนี้เด็ก ๆ หนู ๆ ก็สามารถรับชมได้อีกเช่นกัน และพ่วงด้วยเรื่องราวที่ย่อยง่ายทั้งความสัมพันธ์ในครอบครัว ปัญหาช่องว่างระหว่างวัยที่ต้องร่วมสร้างความเข้าใจก็ทำให้มันยังสามารถพูดคุยกับเด็กในวันวานที่โตมาเป็นพ่อแม่คนได้อีกด้วย อย่าลืมติดตามการรีวิวอนิเมะ หรือการ์ตูนอนิเมชั่นต่าง ๆ ได้ที่ อนิเมะผจญภัย

งานภาพของเรื่องนี้

อะพอท่านอ่าน รีวิวลุยโลกลึกลับ ของฉันที่ฉันบ่น ๆ มานั้น ก็คงคิดว่าเรื่องนี้ก็ดีนิ ไม่เห็นมีอะไรน่าเป็นห่วงตรงไหนเลย ฉันอยากจะบอกว่าท่านอย่าพึ่งคิดอย่างงั้น แต่รอดูสตรีมมิงดีกว่า และควรให้คำแนะนำแก่เด็ก ๆ หนู ๆ ด้วยนะ

มาพอทีนี้ฉันจะบอกสิ่งที่คุณจะพลาดหากรอดูสตรีมมิงนะ ซึ่งแน่นอนว่าหมายถึงงานภาพ และหากจะให้เจาะจงก็คงต้องบอกว่า การชมหนังในระบบสามมิติไม่เคยดูดีเท่านี้มาก่อนจริง ๆ ล่ะ ในส่วนของเนื้อเรื่องช่วงแรกไม่เท่าไหร่

แต่พอเหล่าครอบครัวคล้อดได้ย่างกรายเข้าไปยังดินแดนที่มีแต่สัตว์ประหลาดหลากมากมาย ที่มีสีสันงานภาพที่ถูกออกแบบมารองรับการชมในระบบสามมิติก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีจริง ๆ ถือได้ว่าภาพที่ทางทีมงานผู้สร้างสามารถทำออกมาได้ดีจนน่าประหลาดใจเลย

แต่ก็มีสิ่งที่น่าเสียดายมากนะ หากคุณจะพลาดชมในโรงเพราะหลายซีนมากที่มันออกแบบมาให้ดูบนจอใหญ่ ๆ รับรู้และร่วมผจญภัยไปกับเหล่าตัวละครหลากสีสัน เป็นความสนุกแบบดิสนีย์ที่เราเคยเอ็นจอย ในโรงภาพยนตร์แต่ร้างรามานานแสนนาน หากมีโอกาสมาสัมผัส เรื่องนี้ ในโรงสักรอบก่อนเถอะ คุ้มค่าแน่นอน

และเรื่องนี้ถือเป็นหนังการ์ตูน Disney ประจำปี 2022 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับทั้งด้านบวกและลบผสมกัน แต่สำหรับผลงานใหม่ของทั้งคู่เรื่องนี้ เสียงตอบรับด้านลบดูจะมีมากกว่า ที่ร้ายสุดคือถึงขั้นมีผู้ชมหลายคน

ในอเมริกาเดินออกจากโรงภาพยนตร์หลังจากหนังฉายได้ไม่กี่สิบนาที และสาเหตุสำคัญก็ไม่น่าจะเป็นอะไรอื่นนอกจากองค์ประกอบ ที่หนังสามารถเทกระหน่ำใส่คนดูไม่ยั้ง

งานภาพของเรื่องนี้

แน่นอนว่าเรื่องไหนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแอนิเมชันจากค่าย ลุยโลกลึกลับDisney ทั้งที แน่นอนว่าคุณภาพของเทคนิคการสร้างย่อมไม่ธรรมดา ภาพคอมพิวเตอร์กราฟิก ซีจี 3 มิติยังสวยงามชวนมอง และการเคลื่อนไหวยังคงลื่นไหลนุ่มนวลตามมาตรฐานของยักษ์ใหญ่ แห่งวงการแอนิเมชันเจ้านี้ อีกทั้งในช่วงเหตุการณ์ย้อนอดีต

เรื่องนี้สามารถบอกเล่าวีรกรรมของเยเกอร์ เคลด ก็เล่าด้วยภาพ 2 มิติในสไตล์หนังสือภาพและการ์ตูนคอมิก ซึ่งทำออกมาได้งามไม่แพ้กัน แต่ที่โดดเด่นเหนื่ออื่นใดคือฉาก ซึ่งออกแบบมาได้ดีเยี่ยม เต็มเปี่ยมด้วยสีสันสดใส และรายละเอียดชวนพินิจพิจารณา

ไม่ว่าจะเป็นฉากบ้านไร่แพนโดของครอบครัวเคลด ดินแดนอะวาโลเนียที่ดูเป็นเมืองแนวสตีมพังค์แบบรักษ์ธรรมชาติ ก็เป็นเพราะใช้เทคโนโลยีจากพลังงานธรรมชาติล้วน ๆ เลย และโลกใต้พิภพซึ่งเต็มไปด้วยทัศนียภาพ และสิ่งมีชีวิตสุดวิจิตรพิสดาร

แต่ทว่าดู ๆ ไปก็คุ้น ๆ เหมือนอะไรที่พบเจอจากวิชาวิทย์กายภาพชีวภาพ และซึ่งพอถึงช่วงท้ายเรื่องก็จะเข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมถึงดูคุ้นนัก ตรงกันข้ามกับดีไซน์ตัวละคร โดยเฉพาะฝั่งมนุษย์

ซึ่งดูค่อนข้างจืดชืดน่าเบื่อเมื่อเทียบกับดีไซน์ฉาก ครอบครัวมาดริกัลสิบกว่าชีวิตในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องก่อนหน้าของ Disney อย่าง Encanto ในปี 2021 ยังมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวมากกว่าด้วยซ้ำ อันนี้ก็เป็นความคิดส่วนตัวนะ มันแล้วแต่คนว่าจะคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง

ความโดดเด่นของเรื่องนี้

แต่ครั้นจะบอกว่าตัวละครมนุษย์ ในเรื่องนี้ ลุยโลกลึกลับ เรื่องย่อ ไม่มีความโดดเด่นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว อันที่จริงต้องบอกว่าโดดเด่นเอามาก ๆ แต่เป็นในแง่ความแตกต่างหลากหลาย ที่ตามกระแส Woke ตัวละครส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำ หรือไม่ก็ดูมีเชื้อสายละตินอเมริกัน ในตัวเอกที่เป็นชายแท้ผิวขาวมีแค่เยเกอร์และเสิร์ชเชอร์

ซึ่งแม้จะมีบทบาทเด่นจนเป็น 2 ใน 3 ตัวขับเคลื่อนเรื่อง แต่ก็โดนตัวหนังจับ แกง ในหลาย ๆ  ฉากให้ดูงี่เง่าเอาแต่ใจ ในขณะที่ตัวเอกฝั่งหญิงล้วนเป็นคนผิวสีที่ดูเก่งกล้าสามารถมากกว่า ไม่ว่าจะเมอริเดียนที่เป็นคนผิวดำ

และหรือคัลลิสโตที่หน้าตาออกไปทางเม็กซิกัน แถมยังพากย์โดยคนเอเชีย ส่วนอีธานซึ่งเป็นตัวเอกที่แท้จริงของเรื่องยิ่งแล้วใหญ่ นอกจากจะเป็นลูกครึ่งขาวดำที่มีผมเดรดล็อกคล้ายคนจาไมกาแล้ว และทางตัวหนังยังเปิดเผยชัดเจนว่า ตัวละครนี้เป็นเกย์ที่มีแฟนเป็นผู้ชายแบบเป็นตัวเป็นตน

ยังไงเรื่องนี้ทั้งยังเป็นที่รับรู้และยอมรับของครอบครัว และคนรอบข้าง นับว่าเป็นตัวเอกในการ์ตูน Disney ตัวแรกที่เป็น LGBTQIA+ แบบเปิดเผย ให้เราได้เห็นกัน นอกจากนั้นยังมีเจ้าเลเจนด์ สุนัข 3 ขาที่เป็นสัตว์เลี้ยงของบ้านเคลด ขาหน้าข้างซ้ายกุดไปครึ่งหนึ่ง

แต่ก็เดินและวิ่งได้คล่องแคล่วไม่ต่างจากหมาปกติ คล้ายจะเป็นตัวแทนของผู้มีความพิการทางร่างกายที่ใช้ชีวิตอย่างภาคภูมิใจ ในร่างกายของตัวเองร่วมกับคนร่างกายสมประกอบอื่น ๆ  ในสังคมอีกด้วย

ความโดดเด่นของเรื่องนี้

ฉันคืิดว่าโดยส่วนใหญ่ของเรื่องนี้ Strange World Disney นั้น คือ สิ่งที่ทำให้ผู้เสพสื่อบันเทิงจำนวนมาก ในปัจจุบันอิดหนาระอาใจกับความ Woke ในภาพยนตร์และซีรีส์หลายเรื่อง ไม่ใช่เพราะเรื่องเหล่านั้นมีตัวละครที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ เพศสถานะ

หรือร่างกาย แต่เป็นเพราะภาพยนตร์และซีรีส์เหล่านั้นมักใส่ตัวละครที่มีความหลากหลายเข้ามาโดยไม่จำเป็นกับเนื้อเรื่อง เหมือนสักแต่ว่าใส่เข้ามาเพื่อแสดงว่าค่ายหนัง หรืออย่างน้อยก็ผู้กำกับ

ถือได้ใส่ใจกับประเด็นเรื่องความหลากหลาย จะได้ไม่ต้องตกเป็นเป้าโจมตีของชาว Woke ตาม Twitter กรณีที่พบบ่อยคือภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่สร้างดัดแปลงจากหนังคลาสสิก นิยาย การ์ตูน เกม แล้วแคสต์นักแสดงผิวสีให้รับบทตัวละคร

ซึ่งเป็นฝรั่งผิวขาวในเรื่องต้นฉบับ หรือบางครั้งก็เปลี่ยนตัวละครชายแท้หญิงแท้เป็น LGBTQIA+ ดังที่เกิดกับภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันรีเมกหลายเรื่อง

ความแตกต่างหลากหลายของตัวละคร

ในส่วน Strange World ตัวละคร ของความแตกต่างหลากหลายของตัวละครไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญใด ๆ ต่อเนื้อเรื่องแม้แต่น้อย อย่างน้องเลเจนด์ พอโผล่มาปุ๊บก็มี 3 ขาเลย ตัวหนังไม่ได้อธิบายที่มาที่ไป ว่าน้องไปเจออะไรมาหรือเป็นแบบนี้มาแต่เกิด

และอีกทั้งความเป็นหมา 3 ขาของน้องก็ไม่ได้มีตัวละครอื่นพูดถึงหรือเป็นปัจจัยในการแก้ปมปัญหาในเรื่องแต่อย่างใด เช่นเดียวกันกับความเป็นเกย์ของอีธาน ซึ่งกลายเป็นแค่กิมมิกเติมสีสันเล็ก ๆ น้อย ๆ

ให้เรื่อง อันหลังนี้น่าเสียดายไม่น้อย เพราะคนเขียนบทสามารถหยิบไปใช้เป็นชนวนสร้างปมดราม่าในเรื่องได้ ทั้งนี้เพราะเรื่องนี้มีหลายฉากที่นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับ ความเป็นพ่อ และ การมอบมรดกตกทอดแก่คนรุ่นหลัง ซึ่งเป็นประเด็นที่เชื่อมโยงกับการมีทายาทสืบสกุล

แต่การที่อีธานเป็นเกย์ก็เท่ากับว่าสายเลือดตระกูลเคลดจะสิ้นสุดลงที่เขา และถึงแม้จะไม่แปลกที่เสิร์ชเชอร์ซึ่งมีคาแรกเตอร์แบบพ่อสมัยใหม่จะยอมรับรสนิยมทางเพศ และแฟนหนุ่มของลูกด้วยดี

แต่กลับกลายเป็นว่าเยเกอร์ผู้แสน Macho ที่น่าจะมีคาแรกเตอร์แบบคุณพ่อหัวเก่ากลับไม่แสดงท่าทางคัดค้าน หรือแม้แต่ตั้งคำถามต่อพฤติกรรมรักร่วมเพศของหลานชายเพียงคนเดียวไปด้วย นับเป็นจุดที่ดูห่างไกลความเป็นจริง

และแปลกประหลาดสุด ๆ จนอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือนี่จะเป็นความ Strange ที่แท้จริงของโลกสมมติในเรื่องนี้แหละมั้ง

ความแตกต่างหลากหลายของตัวละคร

ถ้าเมื่อตัดเรื่อง Woke และความหลากหลายต่าง ๆ ออกไป ก็ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าตัดไปก็ไม่มีปัญหาอะไรกับเนื้อเรื่องอยู่ดี สิ่งที่เหลืออยู่ในเรื่องนี้คือเรื่องราวการผจญภัยแบบครอบครัว ๆ ที่ค่อนข้างเบาบาง ปัญหาต่าง ๆ แก้ไข

หรือไม่ก็คลี่คลายลงได้ง่ายดาย ไม่เหลืออะไรให้ผู้ชมลุ้นเท่าไร ราวกับทีมผู้สร้างเองก็ทุ่มเทพลังสร้างสรรค์ส่วนใหญ่ไปกับการดีไซน์ฉาก และการผลิตซีจีสุดอลังการ รวมถึงคาดหวังให้ผู้ชมเพลิดเพลินกับภาพสุดอลังฯ บนจอมากกว่าขบคิดกับเนื้อเรื่อง

ไม่ว่ายังไงแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าตัวเรื่อง ลุยโลกลึกลับ ตัวละคร จะไม่สอดแทรกประเด็นอะไรไว้ให้ขบคิดเลย เพราะเรื่องนี้แฝงข้อคิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไว้ได้อย่างสร้างสรรค์ และน่าสนใจ ทั้งยังสอดคล้องกับทฤษฎีกายา ของ เจมส์ เลิฟล็อค

ซึ่งเป็นแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังเป็นที่สนใจ ในปัจจุบัน นอกจากนั้นมุมมองซึ่งครอบครัวเคลดทั้ง 3 รุ่นมีต่อโลกภายนอกยังสามารถนำมาเปรียบเทียบกับแนวทางที่มนุษย์ปฏิบัติต่อธรรมชาติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

และเริ่มจากเยเกอร์ซึ่งมองว่าธรรมชาติเต็มไปด้วยดินแดนลึกลับที่จำเป็นต้องบุกเบิก และพิชิต ตามด้วยเสิร์ชเชอร์ซึ่งมองธรรมชาติเป็นทรัพย์สินที่มนุษย์สามารถครอบครอง และใช้ประโยชน์ เช่น การทำไร่เพื่อให้สามารถปลูกผลไม้นอกฤดูกาล

จนมาถึงอีธานผู้ตระหนักว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และควรหาหนทางอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน นักวิชาการหรือนักวิจารณ์ที่สนใจการวิเคราะห์วรรณกรรมและภาพยนตร์ด้วยทฤษฎีนิเวศน์วิจารณ์ น่าจะหาประเด็นจากหนังการ์ตูนเรื่องนี้มาวิเคราะห์ได้สนุก

รีวิวStrange World เรื่องนี้เนื้อหาดี

ฉันคิดว่าเรื่องนี้เป็นการ์ตูนเรื่องนี้ ลุยโลกลึกลับ พากย์ไทย เนื้อหาดีดูสนุก โลกลึกลับแฟนตาซีสุดพิสดาร อีกทั้งหนังยังให้ข้อคิดดีงาม แต่ปัญหาของการเสียคะแนน และไม่ทำเงินของดีสนีย์ครั้งนี้ แต่ดูจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกว่าทุกครั้ง นั่นคือ การจงใจให้ตัวละครหลักมีความหลากหลายในทุกกลุ่ม ฃ

ซึ่งขณะนี้แม้แต่คนที่ไม่สังเกตก็ยังเห็นได้ชัดจนน่าจะพูดได้ว่า ดีสนีย์มีความจงใจให้ตัวละครมีความนานาชาติ คละวัย มีสัตว์ มีผู้พิการ และมีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีครบ พ่อผิวขาว แม่ผิวดำ หมาสามขา และลูกชายเป็นเกย์ มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องจงใจขนาดนั้น

ฉันไม่ได้มีความแอนตี้ความหลากหลาย เพราะส่วนตัวก็สนับสนุนความหลากหลายอยู่ แต่ความหลากหลายนั้นควรอยู่ในที่เหมาะสมและโดดเด่นได้ตามโอกาส ไม่ใช่จับยัดให้คนดูรู้สึกอึดอัดที่จะต้องคอยอธิบายให้ลูกหลานที่พาไปดูเข้าใจ

ในเรื่องซับซ้อนเกินเด็กอยู่ตลอดเวลา การที่ดีสนีย์ยึดมั่นในนโยบายนี้ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ดี แม้ว่าจะได้รับการแบนจากนานาประเทศมากขึั้นเรื่อยๆ และตอนนี้มีจีนและตะวันออกกลางที่ไม่ฉายหนังที่มีตัวละครหลากหลายทางเพศเกินสองเพศ

แต่คนดูในประเทศที่ยอมรับก็ลดลง แล้วถ้าต่อไปจะลดลงไปอีกจนถึงขั้นไม่สามารถสร้างต่อได้ เราก็จะไม่เหลือค่ายหนังที่สนับสนุน LGBT อย่างชัดเจนแบบนี้อีกต่อไป อยากให้ดีสนีย์ทำตามความเหมาะสมมากกว่า ถ้าเรื่องไหนสมควรใส่บทหลากหลายก็ใส่ เรื่องไหนไม่จำเป็นก็ไม่ควรต้องฝืน เสียดายหนังดี ๆ ที่ไม่มีคนดู

รีวิวStrange World เรื่องนี้เนื้อหาดี

และฉันคิดว่าเรื่องนี้ ลุยโลกลึกลับ สนุกไหม เป็นหนังดีจริง และแถม สนุกมาก ลูกชายเกย์กับแฟนของเขาก็หล่อน่ารักทั้งคู่ แต่มันไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งเรื่องให้ลูกชายวัยเด็กแสดงความเป็นเกย์ที่ครอบครัวสนับสนุนตั้งแต่เด็กไง

ซึ่งมันไม่ได้จำเป็นต่อใจความหลักของเรื่อง การใส่ตรงนี้มาทำให้คนดูลดลงไป 90% หายไปทั้งคะแนนและรายได้ ไม่ใส่ดีกว่า คนจะได้มาสนุกกับเรื่องหลักได้มากขึ้น โอกาสที่จะสนับสนุนความหลากหลายยังมีได้อีกเยอะแยะ ดีสนีย์ทำหนังปีนึงมีเป็นร้อย ๆ เรื่อง จำเป็นต้องใส่ LGBT เสียทุกเรื่องเลยเชียวหรือ

และนอกจากเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ ทีมผู้สร้างที่เคยฝากผลงานสุดประทับใจมาแล้วนั้น สิ่งที่คงต้องขอชื่นชมสำหรับเรื่องนี้ ก็หนีไม่พ้นงานภาพ การันตีด้วยฝีมือจากดิสนีย์ ในเรื่องนี้ถ่ายทอดโลกเหนือจินตนาการ ครีเอทเหล่าสัตว์วิเศษในโลกลึกลับได้อย่างสร้างสรรค์สุด ๆ

ภาพรวมของเรื่องนี้

และในภาพรวมของเรื่องนี้ ลุยโลกลึกลับ สปอย อาจเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่น่าผิดหวังนิด ๆ ทั้งนี้หากมองความเนื้อเรื่องอันแสนเบาบางและความ Woke ที่เรี่ยราดโดยไม่จำเป็น เรื่องนี้ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่พร้อมเสิร์ฟภาพกราฟิก 3 มิติงาม ๆ ให้ได้ชมกันเพลิน ๆ สำหรับทั้งครอบครัว และหลังดูจนจบก็น่าจะช่วยให้ช่องว่างระหว่างวัยในครอบครัวหดแคบลงมาไม่มากก็น้อยเลย

และเป็นหนังที่เราชอบเซตติ้งโลกลึกลับมาก ๆ เพราะทุกอย่างดูผิดเพี้ยนแปลกตา แต่อลังการมาก ที่เหมาะกับการดูบนจอใหญ่ แต่ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่แค่หนังผจญภัยบุกโลก หรือทะลวงมิติต่างแดนอะไรแค่นั้น

แต่ตามสไตล์ดิสนี่ย์ หนังยังสอดแทรกความเป็นดราม่าครอบครัว ความต่างความคิดระหว่างเจเนอเรชั่น รวมไปถึงการสนับสนุน LGBTQ Diversity ทางอ้อม และการพูดถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านการเปรียบเปรย

ซึ่งรวม ๆ หนังอาจไม่ได้สนุกเร้าใจแบบ Raya ไม่ได้ซาบซึ้งน้ำตาไหลแบบ CoCo แต่ขึ้นชื่อว่าหนังอนิเมชั่นดิสนี่ย์ หนังก็มีข้อคิดดี ๆ น่าจดจำอยู่หลายจุด จุดที่ชอบก็จะประมาณนี้

ภาพรวมของเรื่องนี้

และความเป็นโลกลึกลับแฟนตาซีสุดพิสดาร อีกทั้งหนังยังให้ข้อคิดดีงาม ตัวหนังยังเปิดเผยชัดเจนว่าตัวละครอีธาน เป็นเกย์ที่มีแฟนเป็นผู้ชายแบบเป็นตัวเป็นตน ทั้งยังเป็นที่รับรู้ และยอมรับของครอบครัว

และคนรอบข้าง เรื่องนี้แฝงข้อคิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ไว้ได้อย่างสร้างสรรค์ และน่าสนใจ ทั้งยังสอดคล้องกับทฤษฎีกายา ซึ่งเป็นแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลัง เป็นที่สนใจในปัจจุบัน

แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าตัวเรื่องจะไม่สอดแทรกประเด็นอะไรไว้ให้ขบคิดเลย เพราะเรื่องนี้แฝงข้อคิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไว้ได้อย่างสร้างสรรค์และน่าสนใจ ซึ่งเป็นแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังเป็นที่สนใจในปัจจุบัน

นอกจากนั้นมุมมองซึ่งครอบครัวเคลดทั้ง 3 รุ่นมีต่อโลกภายนอกยังสามารถนำมาเปรียบเทียบกับแนวทางที่มนุษย์ปฏิบัติ ต่อธรรมชาติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เริ่มจากเยเกอร์ซึ่งมองว่าธรรมชาติเต็มไปด้วยดินแดนลึกลับที่จำเป็นต้องบุกเบิกและพิชิต

ตามด้วยเสิร์ชเชอร์ซึ่งมองธรรมชาติเป็นทรัพย์สินที่มนุษย์สามารถครอบครองและใช้ประโยชน์ เช่น การทำไร่เพื่อให้สามารถปลูกผลไม้นอกฤดูกาล จนมาถึงอีธานผู้ตระหนักว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และควรหาหนทางอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน

แต่ที่โดดเด่นเหนื่ออื่นใด คือฉากซึ่งออกแบบมาได้ดีเยี่ยม เต็มเปี่ยมด้วยสีสันสดใส ไม่ว่าจะเป็นฉากบ้านไร่แพนโดของครอบครัวเคลด ดินแดนอะวาโลเนียที่ดูเป็นเมืองแนวสตีมพังค์แบบรักษ์ธรรมชาติ และโลกใต้พิภพซึ่งเต็มไปด้วยทัศนียภาพ และสิ่งมีชีวิตสุดวิจิตรพิสดาร เอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวมากกว่า คออนิเมชั่นห้ามพลาดเด็ดขาด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *