รีวิว JoJo’s Bizarre Adventure: Stone Ocean
‘ไล่ฆ่าหาแผ่นดิสทั้งอำเภอ เพื่อเธอคนเดียวนะDIO’ นี่เป็นนิยามและสิ่งที่ผมจะจำกัดความสั้นๆ ของอนิเมชันเรื่องนี้เลยครับเพราะ Animation เรื่องนี้ไล่ล่ากันสุดจริงๆ ตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนที่ 12 นั้นบอกเลยว่าไม่ค่อยได้มีช่วงให้พักหายใจกันเลยทีเดียวแต่ละตอนมีอะไรให้ลุ้นตลอดว่าตัวเอกของเรื่องอย่าง Cujoh Jolyne ลูกสาวขของ Cujoh Jotaro ที่มีStandอันเลื่องชื่ออย่างStar Platinum ที่มีความสามารถในด้าน Physical (กายภาพ) สูงมากๆ และช่วงท้ายของภาค Stardust Crusaders ก็ได้ความสามารถอย่าง The World หรือ ที่เป็นMEME กันทั่วโลกอย่าง ZawaRudo! ที่เหมือกับDIOวายร้ายภาคนั้นรับชมคลิปเพื่อความอรรถรสกันครับ ซึ่งวันนี้เราจะมาเจาะลึกชีวิตของลูกสาวเค้าอย่าง Jolyne ที่เป็นตัวเอกหญิงคนแรกของเรื่อง JoJo Bizarre Adventure กันครับ
ย้อนกลับไปเมื่อปีค.ศ. 2000 นี้เป็นครั้งแรกที่ JoJo’s Bizarre Adventure Stone Ocean ที่มีผู้หญิงเป็นตัวเอกได้ออกเผยแพร่ในจัมป์ นี้เป็นซีรีส์โจโจ้ภาคสุดท้ายก่อนที่อาจารย์อารารากิจะเริ่มไปเขียน steel ball run ซึ่งเป็นโจโจ้ที่มีการรีจักรวาลใหม่อีกครั้ง และเป็นครั้งแรกของโจโจ้ที่มีการฉายผ่านเน็ตฟลิกซ์พร้อมกันทั่วโลกครั้งแรก ที่มีการปล่อยให้รับชมอย่างจุใจถึง 12 ตอนเลยทีเดียว ทำให้เราไม่ต้องนั่งรอทุกสัปดาห์เพื่อรอตอนใหม่ นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับแฟน ๆ ทั่วโลกที่ทางสตูดิโอเห็นและให้ความสำคัญต่อแฟน ๆ ต่างชาติมากขึ้น
คุโจ โจลีน อายุ 15 ปี ลูกครึ่งญี่ปุ่นอเมริกา ลูกสาวของโจทาโร่ เธอถูกกล่าวหาเมาขับชนคนตาย ทำให้เธอต้องติดคุกใน กรีนดอลฟิน สตรีทไพรสัน ในรัฐฟลอริด้า ยาวนานถึง 15 ปี แต่เรื่องราวกลับไม่จบเพียงแค่นี้ เมื่อพ่อของเธอส่งเครื่องรางมาให้ ทำให้เธอมีพลังพิเศษที่เรียกว่า “แสตนด์” ร่างกายของเธอเป็นเส้นด้ายสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า สโตนฟรี และดูเหมือนภายในคุกก็คนใช้พลังพิเศษอื่นๆ นอกจากเธอเช่นกัน ส่วนโจทาโร่ที่ได้รับข่าวเกี่ยวกับลูกสาวตนก็รีบกลับจากแอฟริกาเพื่อมาช่วยโจลีนออกจากคุกเพราะว่ายังมีลูกสมุนดิโอหลงเหลืออยู่ และพวกเขาต้องการที่จะกำจัดสายเลือดโจสตาร์ให้สิ้นไปเพื่อล้างแค้นให้ดิโอ นี้เป็นศึกตัดสินครั้งสุดท้ายระหว่างพวกโจทาโร่และดิโอ
ตัวละคร รีวิว JoJo’s Bizarre Adventure: Stone Ocean
คุโจ โจลีน (VA: Fairouz Ai) หญิงสาวชาวอเมริกัน ลูกสาวของโจทาโร่ เธอเป็นคนที่ไม่ได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อของเธอ จึงทำให้เธอมีปมทางด้านครอบครัวมาโดยตลอด และเมื่อเธอมมีแฟนครั้งแรก เธอก็ถูกกล่าวหาเมาขับรถชนคนตายทันที มีแสตนด์ที่มีชื่อว่า “สโตนฟรี” ที่มีความสามารถในการปล่อยเส้นใยออกมาได้ และเปลี่ยนร่างกายให้เป็นเส้นใยตามใจชอบ
คุโจ โจทาโร่ (VA: Natsumi Takamori) ตัวละครหลักจากซีรีส์โจโจ้ภาคก่อน ๆ ซึ่งภาคนี้เขาก็มีลูกสาวที่มีชื่อว่า โจลีน ซึ่งเขาพยายามที่จะช่วยโจลีนออกจากคุกให้ได้ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่ามันจะนำพาอันตรายมาสู่เขาได้มากมายเพียงใด โจทาโร่มีแสตนด์ที่มีชื่อว่า “สตาร์แพลททินั่ม” แสตนโจมตีระยะใกล้ที่มีพลังโจมตีที่รุนแรง และมีความสามารถในการหยุดเวลาในระยะสั้นๆ ได้
เอมโพริโอ้ (VA: Atsumi Tanezaki) เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่สำคัญของภาคนี้ เขาเป็นคนที่คอยช่วยเหลือโจลีนในช่วงแรกไว้ เขาเป็นที่อาศัยอยู่ในคุกแห่งนี้ตั้งแต่เกิดกับแม่ของเขา แต่แม่ของเขาโดนผู้ใช้แสตนด์ฆ่าตาย ทำให้เขาต้องอาศัยอยู่ในคุกแห่งนี้แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ
เออเมส คอสเตโร่ (VA: Mutsumi Tamura) เธอถูกจับข้อหาปล้นชิงทรัพย์เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งในครั้งนี้เอง เธอได้พบกับโจลีนเข้า และเก็บเครึ่องรางที่ทำให้มีพลังได้ ทำให้เธอได้กลายเป็นผู้ใช้แสตนด์ในที่สุด แสตนด์ของเธอมีชื่อว่า ฮีวมานอยล์ คิส ซึ่งมีพลังในการแปะสติกเกอร์ทำให้สิ่งของเพิ่มจำนวนซ้ำอีกครั้งได้
สำหรับใครที่อ่านมาแล้วอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ว่าโจโจ้ภาคนี้เป็นภาคที่อาจารย์ อารารากิ พยายามที่จะนำเสนอโจโจ้ในรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในซีรีส์นี้ แต่ว่าการนำเสนอที่เป็นเอกลักษณ์ของอนิเมะจาก David production ทำให้เรื่องนี้มีความน่าสนใจและติดตามเป็นอย่างมาก เราจะมาดูกันว่าสิ่งที่ดีและไม่ดีภายในเรื่องมีอะไรกันบ้าง?
ในช่วงต้นเรื่องทำออกมาได้ค่อนข้างน่าประทับใจกับการนำเสนอตัวละครอย่างโจลีน ตัวละครเอกผู้หญิงคนแรกในซีรีส์โจโจ้ที่เราจะได้เห็นความเป็นผู้หญิงในตัวเธอทั้งที่อยู่ในเรือนจำและอดีตของเธอ การเล่าประวัติความเป็นมาและเหตุผลที่ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ไม่ไว้ใจใคร เป็นการแสดงปมด้อยของตัวละครที่มีตั้งแต่เด็กจนมาถึงวัยรุ่น เมื่อเธอถูกพ่อละเลย ถูกแฟนหักหลัง นั้นจึงทำให้เกิดเป็นความเคียดแค้น และอยากที่จะเป็นอิสระทำให้แสตนด์ สโตนฟรี ปรากฎขึ้นนั้นเอง แต่น่าเสียดายที่ความเป็นผู้หญิงของโจลีนเราจะได้เห็นเพียงแค่ช่วงต้นของซีรีส์เท่านั้น หลังจากที่เริ่มเปิดตัวร้ายในภาคนี้ออกมา และได้เห็นพลังที่ล้ำลึกของศัตรู เราจะไม่ได้เห็นความเป็นหญิงของโจลีนอีกเลย ซึ่งเธอจะเริ่มมีความห้าวและดุดันเหมือนโจทาโร่ ละทิ้งความเป็นหญิง กลายเป็นตัวละครสายโจโจ้เต็มตัว ซึ่งมันน่าเสียดายมากที่เราอดเห็น คาแรกเตอร์ที่สดใหม่ในภาคนี้ และกลับกลายเป็นนิสัยเหมือนตัวเอกในภาคก่อน ๆ อีกทั้งความไม่สมเหตุสมผลของตัวละครอย่าง เอ็มพริริโอ้ ที่มีความรู้หลายอย่างที่แม้ตัวผู้ใหญ่ยังไม่รู้ ทั้งที่ไม่เคยออกไปข้างนอกหลบซ่อนแต่ห้อง เขามีความรู้ขนาดนี้ได้อย่างไร? ตัวร้ายที่อยู่ดี ๆ กลับกลายเป็นคนดี เพียงเพราะตัวเอกไว้ชีวิตอย่าง ฟูไฟเตอร์สตัวละครที่อย่างเก่ง อยู่ในน้ำเก่งมาก แต่แพ้ตัวเอกอย่างง่ายดาย แถมยังเปลี่ยนฝ่ายดื้อ ๆ และจุดมุ่งหมายของตัวละครบางคน มันทำออกมาได้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือซักเท่าไหร่อย่างเพื่อนของโจลีน เออเมส ที่เผลอโดนลูกหลงจากแสตนด์ ไวท์สเนค จึงทำให้ร่วมตามหาไปพร้อมกับโจลีน แต่สิ่งที่น่าชมอีกเรื่องคือการเล่าเรื่องและการนำเสนอแสตนด์ในภาคนี้ผ่านทางอนิเมะ ซึ่งผู้ที่เคยอ่านมังงะมาก่อนแล้วจะรู้ได้ว่าตัวมังงะจะอธิบายพลังบางอย่างออกมาได้ไม่เคลียร์หรือไม่เห็นภาพ ซึ่งในอนิเมะเรื่องนี้พวกเขาทำให้เราสามารถเข้าใจและสนุกไปกับเรื่องได้ ทั้งฉากต่อสู้ที่ทำออกมาดิบและเถื่อนกว่าภาคก่อน ๆ การใช้ไหวพริบของพลังแสตนด์ที่ยากจะเข้าใจ จากแต่ก่อนพลังแสตนด์ไม่ได้เน้นเทคนิคหรือความยุ่งยากอะไรขนาดนี้ ทำให้สนุกและลุ้นทุกช่วงไปกับตัวเอกว่าจะแก้เกมกันอย่างไร
คุณภาพแอนิเมชั่นเทียบกับภาคก่อน ๆ ภาคนี้ถือว่าค่อนข้างดรอปลงไปบ้าง อาจจะเป็นเพราะลายเส้นที่เปลี่ยนไปและวาดยากขึ้น และข้อจำกัดหลายอย่างจึงทำให้ผลงานออกมาไม่ได้ดีมากเมื่อเทียบกับ โกลเด้นวินด์ การเคลื่อนไหวไม่ค่อยไหลลื่นเท่าที่ควร ในขณะเดียวกัน เรื่องนี้เองก็มีพากย์ไทย ต้องยอมรับเลยว่าเน็ตฟลิกซ์ประเทศไทยลงทุนมากในการจ้างนักพากย์จากหลายสตูดิโอ มารวมตัวพากย์ให้กับเรื่องนี้โดยเฉพาะทำให้เราได้เห็นเสียงพากย์ที่เข้าและมีเอกลักษณ์มาก ทำให้ฟังแล้วก็อินได้ไม่ยากเหมือนพากย์ญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากนี้ โจโจ้ภาคอื่น ๆ เขาก็เริ่มทยอยทำพากย์ไทยแล้วเช่นกัน
โดยรวมแล้วเป็นภาคที่สนุกอีกภาค แต่อาจจะสู้ภาคอื่น ๆ ไม่ได้ แต่ก็ยังมีความบันเทิง ความสนุก การนำเสนอที่เข้าใจพลังง่ายขึ้น และลุ้นไปกับเหล่าตัวละครที่จะแก้ปัญหาอย่างไรเมื่อเจอศัตรูที่มีพลังแปลกประหลาดแต่ละคนเข้า
เรื่องราวตอนจบของอนิเมะในตอนที่ 12 นั้นยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้แนะนำตัวละครทั้งหมดเลย ดูเหมือนว่าทางสตูดิโอจะเลือกฉากจบไคล์แมกซ์ไว้ที่ฝนตกกบเพื่อแสดงให้เห็นความโหดของ เวลเทอร์ รีพอร์ต และความโหดของหลวงพ่อพุซชี่ ถ้าใครจะตามต่อ โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ สโตนโอเชี่ยน มีทั้งหมด 17 เล่มจบ จากค่าย NED comics ซึ่งคาดการณ์กันไว้ว่าอนิเมะจะใช้เวลาเล่าประมาณ 40 กว่าตอน เมื่อเทียบกับมังงะ ซึ่งตัวเรื่องพึ่งออกมาได้สิบสองตอนเรื่องราวยังอีกยาวไกล เราอาจจะได้เห็นอนิเมะเรื่องนี้ออกมาให้ดูทุกซีซั่นเลย และยิ่งเป็นการปล่อยรวดเดียวจบเป็นช่วง ๆ ทำให้สบายใจได้เลยว่าค้างน้อยกว่าภาคอื่น ๆ แน่
โดยส่วนตัวผมแล้วอนิเมชั่นเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะสนุกอยู่มากเลยทีเดียวครับ แต่ละตอนมีความชวน Suspense(ใจจดใจจ่อ) ในแต่ละตอนซึ่งน่าติดตามมมากๆ ส่วนข้อเสียก็จะมีอยู่ที่ Location(ที่อยู่) ค่อนข้างที่จะแคบเพราะสถานที่เป็นสถานกักกัน แต่ถ้ามองในอีกมุมนึง ก็ได้บรรยากาศความแปลกใหม่ที่จะทำการประลองไหวพริบกันของตัวละครได้อย่างดีทีเดียวด้วยความที่ข้อจำกัดเยอะทำให้น่าติดตามมากๆและตอนต่อจากนี้น่าจะพีคมากๆขึ้นไปอีกครับ
JoJo’s Bizarre Adventure: Stone Ocean’ เป็นอีกหนึ่งมังงะตระกูลโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษที่มีแฟน ๆ รอคอยการนำมาทำเป็นแอนิเมชันมากที่สุดอีกภาคหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะสแตนด์ในภาคนี้มีความซับซ้อนมากกว่าภาคก่อน ๆ แถมฉากแอ็กชันยังน่าสนใจ แฟนโจโจ้จึงตั้งตารอว่าแอนิเมชัน Stone Ocean จะสนุก มันส์ และทำได้ดีสมการรอคอยหรือไม่ ซึ่งงานนี้ก็ไม่ผิดหวัง เพราะ Netflix ออกมาเผยว่ายอดผู้ชมสตรีมมิงเรื่องนี้พุ่งสูงขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ เป็นการพิสูจน์ว่าเรื่องราวของโจโจ้ภาค 6 ผลงานของอ.ฮิโรฮิโกะ อารากิ (Hirohiko Araki) นั้นได้รับความนิยมจากแฟน ๆ ทั่วโลก
จากสถิติของเว็บไซต์ NEtflix เผยว่า ‘JoJo’s Bizarre Adventure: Stone Ocean’ มียอดการรับชมรวมกันแล้วกว่า 13.98 ล้านชั่วโมง ซึ่งเป็นสถิติใกล้เคียงกับซีรีส์อย่าง ‘Hellbound’ และ ‘Squid Game’ แม้จะเพิ่งฉายไปเพียง 12 ตอนก็ตาม
สรุป
นี่เป็นโจโจ้ที่นำเสนอตัวเอกเป็นผู้หญิงครั้งแรกในซีรีส์ แต่คาแรกเตอร์ที่แสดงออกมากลับยังคงมีความเป็นโจโจ้ จึงทำให้ไม่ได้รู้สึกถึงความแปลกใหม่ภายในซีรีส์มากเท่าไหร่ และความสามารถแสตนด์ที่มีความเข้าใจยากขึ้น การใช้ไหวพริบในการสู้มากขึ้น ถึงแม้อนิเมะจะมีการอธิบายที่เข้าใจง่ายขึ้นมากขึ้นกว่าต้นฉบับก็ตาม แต่ผู้ชมใหม่หรือแฟนโจโจ้อาจจะรู้สึกเบื่อหรือไม่สนุกเท่าภาคก่อน ๆ แต่ถ้าคุณเข้าใจและตามเรื่องทัน นี้ก็เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ดูได้เพลิน ๆ
จุดเด่น
ลายเส้นและการจัดลำดับภาพยังคงสื่อความเป็นโจโจ้ชัดเจนเหมือนเดิม
ฉากต่อสู้ยังคงความโม้และมีการชิงไหวพริบในการต่อสู้มากขึ้น
เนื้อเรื่องเข้มข้นน่าติดตาม
มีเสียงพากย์ไทย
จุดด้อย
สแตนด์มีความเข้าใจยากมากขึ้น เน้นชิงไหวพริบมากขึ้น แต่จะทำให้ผู้ชมบางส่วนตามไม่ทัน
คุณภาพอนิเมะค่อนข้างดรอปลงจากภาคโกลเด้นวินด์
การนำเสนอตัวละครไม่โดดเด่นเท่าภาคเก่าๆ