รีวิวอิโมจิ ฉันมีอนิเมชั่นสุดป่วน มารีวิวการ์ตูน ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงแรกที่ฉันได้ดูทีเซอร์ของอนิเมชันเรื่องนี้เชื่อว่าคอหนังส่วนใหญ่คงจะมองผ่าน ๆ ไป เพราะดูไม่มีอะไรหวือหวาเท่าไหร่กับ อิโมจิ ซึ่งถ้าให้ฉํฯว่ากันตามตรง

แม้ว่าคนเราจะใช้มันส่งแทนข้อความกันอยู่ทุกวัน แต่ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเหล่าอิโมจิจริง ๆ หรอก แต่มันก็ไม่ใช่ไอคอนขนาดที่ว่าผูกพันอะไรกันลึกซึ้งมากนัก

แถมทุกวันนี้เราก็แทบจะหันมาใช้สติ๊กเกอร์กันอยู่แล้ว ถ้ามองตามเทรนด์ก็ถือว่าการ์ตูนเรื่องนี้แอบมาเลทอยู่เยอะเหมือนกันนะ อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นว่าเมื่อไม่นานมานี้แวดวงนักวิจารณ์หนังเมืองนอกที่ได้ชมกันไปแล้วต่างสามัคคียกนิ้ว

กับการ์ตูนเรื่องนี้ชนิดปัง ปังปิ๊นาศ ไม่เหลือคุณงามความดีเลย แต่ถึงอย่างนั้น ฉันมองกลับกัน มันก็กลายเป็นกระแสให้อนิเมชันเรื่องนี้ได้รับการจับตามองมากกว่าปกติ เรามาดูกันว่าเรื่องนี้มันจะสนุกแค่ไหน หากท่านกำลังมองหาเว็บดูหนัง สามารถเข้าชมที่ ดูหนังออนไลน์

รีวิวอิโมจิ แอ๊พติสต์ตะลุยโลก การ์ตูน The Emoji Movie อนิเมชั่นสุดป่วน

รีวิวอิโมจิ แอ๊พติสต์ตะลุยโลก การ์ตูน The Emoji Movie อนิเมชั่นสุดป่วน

รีวิวอิโมจิ แอ๊พติสต์ตะลุยโลก พล็อตเรื่องนี้

สำหรับพลอตของเรื่องนี้ The Emoji Movie นั้นเริ่มจากเหล่า อิโมจิ ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ชื่อว่า Textopolis มีหน้าที่แสดงอารมณ์ในแบบเดียวเท่านั้น ซึ่ง อิโมจิพระเอกของเรื่องนี้อย่าง จีน เจ้าอิโมจิอารมณ์ Meh หรือภาษาไทยก็ งั้น ๆ ผู้ทำหน้าเบื่อโลกตลอดเวลา

แต่มีความสามารถในการปรับอารมณ์ได้หลากหลาย และแทนที่จะเป็นจุดแข็งที่คนอื่นทำไม่ได้ กลับกลายเป็นปัญหาไปถึง อเล็กซ์ เด็กหนุ่ม มอต้น เจ้าของสมาร์ทโฟนที่เข้าใจผิดคิดว่าโทรศัพท์ของเขารวน เพราะตัวอิโมจิ ไม่สามารถแสดงอารมณ์ งั้น ๆ ออกมาได้นั้นเอง

ในการที่ จีน แสดงอารมณ์ออกไปแบบผิดพลาด ส่งผลต่ออิโมจิตัวอื่น ๆ ที่ตกใจตื่นผวา ลุกลามไปยังแอปพลิเคชันการใช้งานจนทำให้สมาร์ทโฟนของ อเล็กซ์ ยิ่งรวนหนักจนเขาตัดสินใจจะไปทำการล้างเครื่องรีเซ็ทใหม่ทั้งหมดที่ร้านซ่อมมือถือ

ซึ่งหมายความว่า อิโมจิทุกตัวในเมือง Textopolis จะถูกลบหายไป ในโจทย์สำคัญที่ทำให้ จีน ต้องหาวิธีหยุดยั้งไว้ให้ได้ ห้ามพลาดที่จะรับชมเรื่องนี้ ดูThe Emoji Movie

โดยมี อิโมจิ ผู้ร่วมผจญภัยกับเขาอีก 2 ตัวอย่าง ไฮไฟว์ ที่ให้เสียงโดย เจมส์ คอร์ดอน และ เจลเบรค ให้เสียงโดย แอนนา ฟาริส ทำภารกิจสำคัญอย่างการหาวิธีข้ามผ่านไฟร์วอลล์ให้ได้ โดยต้องหลบหนีการไล่ล่าจากบอทตัวร้ายและต้องวิ่งผ่านทั้งเกมส์และแอปพลิเคชันดัง ๆ บนสมาร์ทโฟนมากมายซึ่งคนดูคุ้นเคยกันอยู่แล้ว

รีวิวอิโมจิ แอ๊พติสต์ตะลุยโลก พล็อตเรื่องนี้

แต่อย่างแรกฉันต้องบอกเลยว่าหนังพยายามผูกปมของตัวละครอย่าง จีน ให้มีมิติ โดยเฉพาะออกแบบให้มันเป็น อิโมจิ ที่มีชีวิตจิตใจมากกว่าการแสดงอารมณ์ งั้น ๆ ไปวัน ๆ ได้เพียงอย่างเดียว พยายามยกเรื่องตัวเรื่องให้มีอารมณ์ที่ตีความเป็นไม่หนักแน่น สับสนหลงทาง เพราะ จีน รู้สึกว่า ไม่รู้ว่าฉันจะเอาดีทางไหนสักทาง

กลายเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิตที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตของ อิโมจิตัวอื่น ๆ ใน Textopolis ไปด้วย และนอกจากนี้การวาง mood and tone ของฉาก การเดินเรื่อง

แทบจะเป็นการยกฉากจาก Inside Out มาทั้งดุ้น คือดูไปสักพักก็ไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาในหัวเลยนอกจากเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตาม The Emoji Movie นั้นเลียนแบบมาได้เฉพาะเปลือกภายนอกเท่านั้นแหละ

ซึ่งจริง รีวิวThe Emoji Movie มันไม่ได้รับการคาดหวังอยู่แล้ว แต่หากหนังให้น้ำหนักกับการเขียนบทที่ดีกว่านี้ มันก็อาจเป็นหนังอนิเมชันที่ผู้ใหญ่ดูแล้วพอจะอินได้ขนาดสักประมาณ The Secret Life of Pets

ใน2016 เพราะเอาจริง ๆ เหล่าทัพ อิโมจิ พวกนี้พอมาเป็นการ์ตูนอนิเมชันแล้วมันก็น่าสนใจและมีชีวิตชีวาดี เมื่อเทียบกับตัวตนของมันบนแป้นพิมพ์ แต่แน่นอนว่ามันยังห่างจาก Inside Out เยอะเพราะเนื้อหาใน The Emoji Movie มันเบ๊าเบาสมอง

คือไม่ใช่ว่าจะฮาอะไรมากนะ แต่ว่าเนื้อหามันไม่มีอะไรจริงจังเลย มันดูยุ่งยาก เรียกว่าทำตัวสมกับเป็นการ์ตูนสำหรับเด็กดูมาก แถมลูกล่อลูกชน ชั้นเชิงมันก็ไม่มี ทำให้องค์ประกอบทั้งตัวละครและเส้นเรื่องมันราบเรียบมาก

และนอกจากนี้ การออกแบบมูฟเม้นท์ของตัวการ์ตูนกับมุกที่สอดแทรกมา ขาดความสร้างสรรค์ไปอย่างรุนแรง ตัวละครน่าจะออกแบบมาได้ดีกว่านี้ อันนี้แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน

แต่รวม ๆ มันก็ยังพอรับได้ไม่อึดอัดมากนัก การเดินเรื่องไปได้กระชับรวดเร็วดี ไม่รู้สึกเนือยหรือเสียเวลาเหมือนตอนไปดูพวกหนังตลก สามารถติดตามการรีวิวเรื่องอื่นได้ที่ อนิเมะน่าสนใจ

จุดหลัก ๆ ของเรื่อง

ในส่วนจุดที่เป็นหลัก ๆ ของ The Emoji Movie พากย์ไทย คือการไม่ทอดทิ้งกันของเพื่อน ความสำคัญของมิตรภาพ เพื่อนเจ็บเราก็เจ็บ มีทุกข์ร่วมต้าน ถ้าเพื่อนร้องไห้โฮเราก็โฮด้วย กับเรื่องความเป็นตัวของตัวเอง นอกจากนี้ก็ยังมีแอบจิกกัดเด็กมิลเลนเนียลที่โตมากับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตอยู่เป็นระยะ

แต่น่าเสียดายที่หนังก็ไม่ได้ไปขยี้ ไปเน้นย้ำอะไรให้มันเป็นเรื่องเป็นราว เรียกว่าใส่มาอย่างละนิดละหน่อย ถ้อยคำที่ส่งออกมามันเลยไม่ทรงพลัง ไม่มีน้ำหนักเท่าไหร่ ไฮไลท์สำคัญมองไปมองมามันน่าจะไปเน้นขายตัวละคร อิโมจิ ที่อยากให้คนดูรู้สึกว้าวกับการมีชีวิตชีวาในโลกการ์ตูนมากกว่า

และ The Emoji Movie ไม่ใช่อนิเมชันที่เลวร้ายมากมาย เพียงแต่จุดบอดใหญ่ตั้งแต่การวางคอนเซ็ปต์ตัวหนังมันดันไปลอก Inside Out ซึ่งมีจุดสตรองมาก ๆ ในเรื่องของเนื้อหาอยู่แล้วชนิดฟ้ากับเหว

จุดหลัก ๆ ของเรื่อง

มันเลยเกิดการเปรียบเทียบชัดเจนที่แคนนอนกลับมายังตัวหนังเรื่องนี้เอง เพราะในด้านเนื้อหา The Emoji Movie มันไม่มีอะไรน่าจดจำ เป็นการ์ตูนขายแฟนตาซี

สำหรับเด็กหัวโปกที่ไม่มีพิษมีภัยเรื่องหนึ่ง ดูได้เพลิน ๆ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะบ้าง ยังไงก็ไม่รู้สึกเจ็บตัวอะไรมาก ดูให้รู้ว่าครั้งหนึ่งอิโมจิพวกนี้มันก็เคยมีคนเอามาทำเป็นหนังแล้วนะ ซึ่งดูจบแล้วมันก็ งั้น ๆ จริง ๆ นั่นแหละ

และตัวด้วยพล็อตเรื่อง อิโมจิ แอ๊พติสต์ตะลุยโลก พากย์ไทย อิโมจิไม่ค่อยแปลกใหม่มากนัก แต่มีความน่าสนใจตรงที่การดีไซน์ตัวละครที่อยู่ในแอพต่างๆ ได้สร้างจินตนาการให้เห็นโลกเหล่านั้น

จึงทำให้ค่อนข้างตื่นตาพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ถึงกับสร้างความประหลาดใจมากนัก ซึ่งเรื่องราวของอิโมจิก็ค่อนข้างคล้ายคลึงกับแอนิเมชั่น Inside Out ที่เป็นเรื่องราวของโลกใบเล็กที่ซ่อนอยู่ความรู้สึกของมนุษย์ เช่นเดียวกับโลกของอิโมจิที่ซ่อนอยู่ในแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ในโทรศัพท์มือถือ

เรื่องนี้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม

อย่างที่บอกว่าสิ่งที่พอจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมก็คือการดีไซน์ฉากตัวละคร ไม่ต้องพูดถึงเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างจะซ้ำ ไม่มีจุดให้ลุ้นหรือน่าติดตามมากนัก ออกแนวเรื่อย ๆ ชมการเดินทางของตัวละครฝ่าด่านจนกว่าจะถึงจุดหมาย

เป็นแนวสูตรสำเร็จ คาดเดาเนื้อหาได้ง่าย และไม่มีการหักมุมใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ก็ต้องชื่นชมการสร้างภาพที่ทำออกมาได้สวยเลย การดีไซน์ตัวละคร ฉาก ที่ทำออกมาสวยงาม และลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์จึงดูง่าย สบายตา

ซึ่งแม้บทหนังจะไม่ได้มีความน่าสนใจมากนัก แต่สิ่งที่หนังต้องการจะสื่อให้เห็นก็มีหลายประเด็นที่เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันที่สะท้อนให้เห็นว่าคนไม่ค่อยพูดคุยกัน มีแต่ก้มหน้าเล่นมือถือ เป็นสังคมก้มหน้า

อีกประเด็นก็คือการเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งจะเห็นว่าภาพยนตร์จากฝั่งตะวันตกค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะชีวิตของแต่ละคนไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบเสมอไป ต้องมีการค้นหาตัวเอง

เรื่องนี้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม

เราแตกต่างจากคนอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตเหมือนกัน ที่สำคัญหนังได้ใส่ประเด็นเรื่องการทำงาน รับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง เช่นเดียวกับตัวอิโมจิต้องการจะทำงานเหมือนคนอื่นๆ สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมของประเทศที่สร้างหนังขึ้นมา

ซึ่งจะปลูกฝังให้รู้จักการทำงานตั้งแต่เล็ก เพื่อจะสร้างคุณค่าของตนเอง อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับบางคนที่ต้องการผ่อนคลายความเครียดจากการงานทั้งหลาย ด้วยการชมภาพยนตร์ อิโมจิ แอ๊พติสต์ตะลุยโลก หนัง ที่ไม่ต้องคิดอะไรมากนัก

ดูได้เพลินๆ ให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการชมภาพยนตร์ของลูกเด็กเล็กแดงก็ดีไม่น้อย เพราะเนื้อหาก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร ทั้งยังได้ใช้เวลาพิเศษกับครอบครัวได้เป็นอย่างดี

เรื่องนี้ได้รับรางวัล

การ์ตูนอนิเมชั่น อิโมจิ เมื่อวันที่ 3 มีนาคมสำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดิ อีโมจิ มูฟวี่ ได้รับรางวัลอันโด่งดังแห่งการไม่ยอมรับมากที่สุดของฮอลลีวู้ด นั่นคือรางวัลภาพยนตร์ยอดแย่ ราซซีอวอร์ดส์ ประจำปี 2017 ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นแอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลนี้ในรอบ 38 ปีอีกด้วย

และในรางวัลดังกล่าว ที่มอบเป็นประจำทุกปีให้กับหนังยอดแย่มีธรรมเนียมในการประกาศทุกวันเสาร์ หนึ่งวันก่อนหน้าการประกาศผลรางวัลยอดเยี่ยมของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ นั่นคือรางวัลอคาเดมีอวอร์ดส์ หรือรางวัลออสการ์ในปีนั้น ๆ

ซึ่งประกาศรางวัลในคืนวันอาทิตย์ โดยในปีนี้มีกำหนดการจัดขึ้นในวันที่ 4 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา ตรงกับเช้าวันที่ 5 มีนาคมในไทย

และเรื่องนี้ ดิ อีโมจิ มูฟวี กวาดไป 4 จาก 10 สาขาที่มีการแจกรางวัล นั่นคือนอกจากสาขาหนังยอดแย่แล้วยังได้รางวัลในสาขา บทภาพยนตร์ยอดแย่ ผู้กำกับยอดแย่ และฉากยอดแย่ จาก ฉากใด ๆ ก็ตามที่มีการปรากฏตัวของอีโมจิที่น่าขยะแขยง 2 ตัวพร้อมๆ กัน

เรื่องนี้ได้รับรางวัล

ขณะที่สาขานักแสดงชายยอดแย่เป็นของ ทอม ครูซ จากเรื่อง เดอะ มัมมี ทำให้ถึงตอนนี้ ครูซยังไม่สามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้สำเร็จ แต่ได้ราซซีอวอร์ดส์ไป 2 ครั้งแล้ว โดยครั้งก่อนหน้านี้ได้ในสาขาฉากการแสดงยอดแย่ ร่วมกับ จอห์นนี เด็ปป์ ใน อินเตอร์วิว วิธ เดอะ แวมไพร์

สาขานักแสดงหญิงยอดแย่เป็นของ ไทเลอร์ เพอร์รี จาก บู 2 อะมาเดีย ฮัลโลวีน โดยผู้กำกับที่เป็นเพศชายผู้นี้คว้ารางวัลจากการแสดงบทบาทเป็นผู้หญิง ส่วนสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดแย่เป็นของ คิม บาซิงเจอร์ จาก ฟิฟตี้เชดส์ ดาร์เกอร์

ทำให้เธอเป็นนักแสดงญิงคนที่ 4 ต่อจาก เฟย์ ดันนาเวย์ และ ลิซา มิเนลลี และ ฮัลลี เบอร์รี ที่ได้รับรางวัลทั้งราซซีและออสการ์ หรือในขณะที่ เมล กิ๊บสัน ที่เข้าชิงออสการ์เมื่อปีที่แล้ว ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดแย่จากเรื่อง แดดดี้ส์ โฮม 2

รีวิวอิโมจิ แอ๊พติสต์ตะลุยโลก ประวัติผู้เขียนเรื่องนี้

ฉันขอพูดถึงในส่วนของผู้เขียนเรื่องนี้ ไมค์ ไวท์ ผู้สร้างภาพยนตร์ ไมเคิล คริสโตเฟอร์ ไวท์ เกิด 28 มิถุนายน พ.ศ. 2513เป็นนักเขียน นักแสดง และโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน

สำหรับรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ และผู้เข้าแข่งขันรายการเรียลลิตี้ทีวี เขาได้รับรางวัลมากมายรวมถึงการชนะรางวัลIndependent Spirit John Cassavetes Awardจากภาพยนตร์เรื่องChuck & Buckปี 2000

ซึ่งเขาเขียนและแสดงด้วย เขาได้เขียนบทภาพยนตร์ อิโมจิ เดอะมูฟวี่ พากย์ไทย เช่นSchool of Rock ในปี 2003 และNacho Libre ในปี 2549 และได้กำกับภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่เขาเขียน เช่นBrad’s Status

รีวิวอิโมจิ แอ๊พติสต์ตะลุยโลก ประวัติผู้เขียนเรื่องนี้

ในปี 2017 เขาเป็นผู้สร้างร่วมผู้ผลิตนักเขียนผู้อำนวยการและนักแสดงในช่อง HBO ชุดพุทธะ สีขาวยังเป็นที่รู้จักกันสำหรับการปรากฏตัวของเขาในทีวีเรียลลิตี้การแข่งขันในฤดูกาลที่สองของการแข่งขันที่น่าตื่นตาตื่นใจและต่อมากลายเป็นผู้เข้าประกวดและวิ่งขึ้นไปบนเดนตาย

ชีวิตส่วนตัว ของเขา สีขาวที่เกิดในพาซาดีนาแคลิฟอร์เนีย เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนโปลีเทคนิคและWesleyan มหาวิทยาลัย สีขาวเป็นบุตรชายของ Lyla ลี ผู้บริหารการระดมทุน

และสาธุคุณดรเจมส์เมลวิลล์ เมล สีขาว และ ผอมโซและอดีต สำหรับศาสนาขวาตัวเลขเช่นเจอร์รีและ แพ็ตโรเบิร์ต สีขาวเป็นอย่างเปิดเผยกะเทย พ่อของเขาออกมาเป็นเกย์ในปี 1994

อาชีพของนักเขียนก่อนจะมาเขียนเรื่องนี้

เผื่อมีคนอยากรู้ว่าอาชีพของเขานั้นเป็นยังไงก่อนจะมาเป็นผู้เขียนเรื่องนี้ อิโมจิดูหนัง สีขาวเป็นนักเขียนและผู้ผลิตในดอว์สันครีกและประหลาดและบันเทิงและเขียนและทำหน้าที่ในภาพยนตร์Chuck & บั๊ก และ สาวดี

และ ออเรนจ์เคาน์ตี้ และ โรงเรียนร็อคและ Nacho Libre นอกจากนี้เขายังมีบทบาทในการเสพสม 2004ของเต็ปภรรยาและ 2008 ฟิล์มปกปิด บั๊กซึ่งในสีขาวภาพ Manchild

ใครก้านเพื่อนในวัยเด็กของเขาเป็นชื่อหนังที่ดีที่สุดของปี 2000 โดยEntertainment Weekly ในการให้สัมภาษณ์กับThe New York Times และ เจฟฟ์บริดที่เรียกว่าผลการดำเนินงานของสีขาวและโยนบั๊ก ประสิทธิภาพของทศวรรษ

เขามักจะร่วมงานกับแจ็ค แบล็คนักแสดง นักเขียนบทในภาพยนตร์ พวกเขาร่วมกันก่อตั้งบริษัทโปรดักชั่น Black and White ซึ่งปิดตัวลงในปี 2006 White ไม่ใช่แฟนเพลงคลาสสิคร็อคแต่เขาเขียนSchool of Rockโดยเฉพาะเพื่อให้ Black สามารถแสดงดนตรีร็อคที่เขาชื่นชอบได้

ทำให้ขาวของเขาผู้อำนวยการเปิดตัวด้วยตัวเองเขียนปีของสุนัขที่งาน Sundance Film Festival 2007 เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของคณะลูกขุนละครสหรัฐที่2009 เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์

อาชีพของนักเขียนก่อนจะมาเขียนเรื่องนี้

ลอร่าเดิร์นนำสีขาวในโครงการที่มี HBO ซึ่งกลายเป็นชุดพุทธะที่ฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมปี 2011 ตัวละครเดิร์นของเอมี่เจลลิโก้จะไปสถานที่พักผ่อนที่ฮาวายหลังจากชีวิตการทำงานของเธอ implodes สาธารณะ

และมีการแนะนำให้รู้จักกับการทำสมาธิ ตัวเขาเองเคยประสบกับภาวะล่มสลายระหว่างทำงานในขณะที่แสดงละครโทรทัศน์เรื่องก่อนหน้านี้ และได้รวมเอาองค์ประกอบของประสบการณ์นั้น

อิโมจิ แอ๊พติสต์ตะลุยโลก สปอย รวมทั้งการสำรวจการทำสมาธิแบบพุทธมาไว้ในโครงเรื่องของซีรีส์ใหม่ ไวท์เขียนบทนักบินและทุกตอนในซีซันแรกและซีซันที่สอง

สีขาวร่วมเขียนบทภาพยนตร์สำหรับคอมพิวเตอร์ภาพยนตร์การ์ตูนอีโมจิที่ภาพยนตร์ ซึ่งเขาได้รับรางวัลโกลเด้นราสเบอร์รี่ เขาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง 2017 สถานะของแบรด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *