รีวิวอะนิเมะ Spy x Family
ชื่อเรื่อง : Spy x Family (スパイファミリー)
ต้นฉบับ : มังงะ (Manga)
ประเภท : แอ็กชัน (Action), ตลก (Comedy)
สตูดิโอผู้สร้าง : Wit Studio ร่วมกับ CloverWorks
ปีที่ออกอากาศ : 2022
Spy X Family อนิเมะเรื่องนี้นั้นถูกจับตามองมาตั้งแต่มีข่าวแว่วๆ มาจะถูกหยิบมาสร้างเป็นอนิเมะแล้ว เรียกได้ว่าเป็นอนิเมะที่หลายคนเฝ้ารอมาตั้งแต่ยังไม่มีกำหนดฉายเลยก็ว่าได้ และใดๆ ก็ตาม เขาก็ได้ลงจอให้แฟนๆ ได้รับชมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากๆ และวันนี้เราจะมาแนะนำอนิเมะพร้อมบอกว่า เพราะเหตุใดอนิเมะที่เรื่องนี้ถึงมีกระแสที่ปัง และทำไมมันถึงไม่ควรพลาดชมกันค่ะ
Spy x Family เป็นอนิเมะช่วง Spring 2022 โดยเป็นอนิเมะแนว Action (แอ็กชัน), Comedy (ตลก), โดยสร้างมาจากมังงะ โดย ทัตสึยะ เอ็นโดะ ซึ่งกำกับโดยค่าย Wit Studio, Clover Works ซึ่งใน MyAnimeList ได้คะแนนไปถึง 9.09 จากผู้รีวิวทั้งหมดประมาณ 143,119 คน โดยมีผู้ติดตามมากถึง 568,125 คน ซึ่งถือว่าเป็นอนิเมะที่ยอดฮิตเป็นอันดับที่ 2 ใน MyAnimeList เลยก็ว่าได้ ส่วนใน IMDb ได้คะแนนไปถึง 9.1 จากผู้รีวิวทั้งหมด 2,700 คน โดยพล๊อตเรื่องคร่าว ๆ “ เรื่องราวสงครามเย็นระหว่าง ตะวันออก Ostania (ออสตาเนีย) และตะวันตก Westalis (เวสเตอริส) โดยมีสายลับผู้หนึ่งที่ได้รับภารกิจแทรกซึมหรือจับตาดู ประธานพรรคชาติที่เป็นบุคคลอันตรายต่อทั้ง 2 ประเทศ จึงต้องสร้างครอบครัวหลอก ๆ ภายใน 7 วัน โดยที่สายลับผู้นี้ไม่รู้เลยว่า ทั้งลูกสาวหลอก ๆ ที่ไปรับมาจากบ้านสถานสงเคราะห์นั้นเธอเป็นเด็กที่มีพลังจิตที่แอบหนีมาจากห้องทดลอง กับภรรยาหลอก ๆ ที่เป็นมือสังหารที่เจอกันครั้งแรกที่ร้านตัดเสื้อผ้า ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบหลอก ๆ เพื่อภารกิจของเขา” เรื่องราวของครอบครัวหลอก ๆ นี้จะเป็นเช่นไร รับชมได้ทาง Netflix, Bilibili
รีวิวอะนิเมะ Spy x Family เรื่องย่อ
เรื่องราวของครอบครัวประหลาดที่มีแต่สมาชิกครอบครัวที่ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป เริ่มที่ผู้เป็นพ่อ “ลอยด์ ฟอร์เจอร์” จิตแพทย์หนุ่ม หน้าตาดี แต่ที่จริงแล้วเป็นสปายที่มักจะรับภารกิจช่วยประเทศ ซึ่งแต่ละภารกิจของเขานั้นค่อนข้างยากและซับซ้อนที่สำคัญคือห้ามเผยตัวตน ห้ามเป็นจุดสนใจเด็ดขาด โค้ดเนมของเขาคือ “สนธยา” ต่อมาก็คือภรรยาคนสวย ที่ดูเผินๆ เหมือนสาวสวยทั่วๆ ไปแต่ทว่าคุณ “ยอร์ ฟอร์เจอร์” นั้นเป็นนักฆ่า มีโค้ดเนมว่า “เจ้าหญิงหนาม” ซึ่งเธอนั้นถูกคาดหวังและถามไถ่เรื่องแฟนหนุ่มจากทั้งเพื่อนร่วมงานและน้องชายบ่อยจนเกินไป อีกทั้งเพราะในเมืองยังมีข่าวลือว่า หนุ่มสาวที่อยู่โสดจนเกินวัยแต่งงานแล้วนั้นมักจะเป็นสปาย เธอจึงต้องหาใครสักคนมารับบทเป็นแฟนบังหน้าเพื่อไม่ให้ตัวเธอโดดเด่น หรือดูน่าสงสัย ยอร์จึงขอให้ลอยด์ไปงานปาร์ตี้ของคนที่ทำงานและรับบทเป็นแฟนชั่วคราวให้ และเพราะความครุ่นคิดในหน้าที่อย่างหนักของลอยด์ ทำให้เขาเผลอแนะนำตัวว่าเป็นสามีแทนที่จะเป็นแค่แฟนของยอร์ เช่นนั้นแล้วคุณยอร์ก็เลยลองเสนอว่าให้แต่งงานกันไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
เพื่อภารกิจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของทั้งคู่ พวกเขาจึงตกลงแต่งงาน และรับบทเป็นคู่สามีภรรยาหลอกๆ กัน ไม่ใช่แค่สามีภรรยาจะไม่ปกติเท่านั้น ด้านลูกสาวก็ไม่ธรรมดา “อาเนีย ฟอเจอร์” เด็กสาวที่ลอยด์ไปขอรับเลี้ยง ดูเหมือนเป็นเด็กสาวธรรมดา แต่ด้วยความเป็นเอสเปอร์ ที่สามารถอ่านความคิดและจิตใจคนอื่นได้ จึงทำให้ไม่ว่าลอยด์จะซ่อนตัวตนอย่างไร หรือซ่อนความคิดไว้อย่างมิดชิดแค่ไหน อาเนียก็สามารถรับรู้ได้หมด และนั้นก็ทำให้อาเนียที่ชื่นชอบสปายอยู่แล้ว ชอบและอยากอยู่กับลอยด์มากขึ้น สำหรับอาเนียแล้วลอยด์คือ “คุณพ่อขี้โกหกที่เท่ที่สุดเลย” และแน่นอนว่าอาเนียนั้นก็รับรู้ถึงตัวตนยอร์ผู้มารับบทเป็นแม่ตั้งแต่วันแรกที่พบเจอแล้วเช่นกัน และนี่ก็คือเรื่องราวของความวายปวงสุดฮาที่จะเสิร์ฟมาให้คุณในเรื่องนี้ แค่คิดภาพครอบครัวนี้ไปปฏิบัติภารกิจ หรือจำเป็นต้องต่อสู้ด้วยกันแต่ก็ยังต้องโกหกตัวตนตัวเองนี่ก็ฮาแล้ว ทั้งสองต่อสู้ได้ช่ำชองมากแต่คนหนึ่งบอกว่าเป็นแค่จิตแพทย์ ส่วนอีกคนก็เป็นพนักงานที่ว่าการอำเภอ เหตุผลที่พวกเขาจะยกมาโกหกใส่กันมันจะฮาขนาดไหนกัน แต่ที่แน่ๆ เป็นครอบครัวที่น่าตาดีกันยกบ้านเลยจ้า
สิ่งที่น่าสนใจของอะนิเมะ
- ความแปลกของครอบครัว แต่ดันมาพร้อมกับความอบอุ่น
เสน่ห์ของเรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากความแปลกประหลาดของครอบครัวปลอมๆ นี้นั่นแหละค่ะ ถึงจะไม่เหมือนคนปกติทั่วไปแต่ก็เป็นครอบครัวที่วิเศษมากๆ ทั้งสองพ่อแม่ที่มารับบทปลอมๆ นั้น ค่อนข้างใส่ใจในตัวอาเนียมาก เสมือนอาเนียนั้นเป็นลูกแท้ๆ ของพวกเขาเลย ตัวลอยด์เองนั้นจดจำทุกรายละเอียดของอาเนียได้หมด ไม่ว่าจะเป็นชอบกินถั่ว หรือการดื่มโกโก้ที่จะต้องใส่นมและน้ำตาลเพิ่มเข้าไปด้วย ทำให้เรานั้นเห็นถึงความอบอุ่นภายในครอบครัว ถึงแม้จะเป็นสามีปลอมๆ แต่ลอยด์ก็ให้เกียรติ และสุภาพกับยอร์มากๆ ด้านยอร์เองก็เหมือนกัน เขายังให้กำลังใจ และช่วยให้ลอยด์ผ่อนคลายจากความเครียดในการเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ของอาเนียอีก เผลอๆ ครอบครัวประหลาดๆ นี้อาจจะอบอุ่นกว่าครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเพียบพร้อมบางครอบครัวในโลกของความเป็นจริงก็ได้ อนิเมะอาจจะกำลังบอกเราว่าครอบครัวที่เรียกว่าสมบูรณ์และเต็มไปด้วยความสุขนั้นมันไม่จำเป็นต้องมีสมาชิกที่เพอร์เฟ็กไปทุกๆ เรื่องก็ได้ แค่เข้าใจและคอยเติมเต็มกันแหละกันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
2.ลายเส้น และโทนสีของภาพสวย น่าดู
เป็นฟีลแนวสมัยใหม่ ผู้เขียนแอบรู้สึกว่าบางฉากมีความเป็นยุโรปสมัยก่อนหน่อยๆ มีความวินเทจอยู่ค่อนข้างสูง เสื้อผ้าหน้าผมทันสมัย สไตล์ของลอยด์นั้นจะเหมือนหนุ่มผู้ดีชนชั้นสูง โทนเสื้อชุดสูทมักจะมาในโทนเขียวขี้ม้า เขียวเข้ม ขาวและตัดกับแดง และมักจะมีหมวกเสมอ ด้านอาเนียนั้นก็มีชุดกระโปรงที่เป็นสีน้ำตาลเข้ม มีเสื้อคลุมสีน้ำตาลอ่อน และตัดด้วยสีเหลือจากโบว์ที่คอ ถ้าลองสังเกตดีๆ โทนสีที่เลือกใช้ในอนิเมะเรื่องนี้นั้นเป็นสีคุมโทนซะส่วนใหญ่ ซึ่งมองแล้วให้ความสมูท ดูนุ่มนวล ทำให้คนดูรู้สึกสบายตาในการรับชม ก็ต้องยกความดีความชอบนี้ให้กับวิสสตูดิโอและโคลเวอร์เวิกส์ค่ะ
- มีมุมมองการเล่าเรื่องในมุมของบุคคลที่ 3 แทรก
มุมมองของบุคคลที่ 3 หรือถ้าในลักษณะของนิยายหรือมังงะจะเรียกได้อีกแบบว่ามุมมองพระเจ้า ก็คือการมีบุคคลอื่นนอกเหนือจากตัวละครที่หนึ่ง ตัวละครที่สอง ออกมาเล่าหรืออธิบายเนื้อหาเพิ่มเติมเพื่อเป็นการขยายความ รวมถึงช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชม ดั่งเช่นในตอนที่คุณยอร์ย้ายเข้าไปอยู่กับลอยด์เรียบร้อยแล้วนั้น อนิเมะก็จะมีฉากการหยุดดำเนินเรื่องและมีการอธิบายแนะนำครอบครัวอย่างเป็นทางการขึ้นอีกครั้ง ทำให้เราเข้าใจถึงสถานการณ์รวมถึงตัวละครได้ดีขึ้น ซึ่งโดยปกติมุมมองนี้จะอยู่ในนิยายหรือมังงะมากกว่า เพราะจะช่วยให้ผู้อ่านมองเห็นมุมมองและความคิดของตัวละครได้ทั้งเรื่อง แต่พอมุมมองนี้มาอยู่ในอนิเมะนั้นมันจะมีข้อดีตรงที่สามารถช่วยให้เราเข้าใจในเนื้อหาของอนิเมะได้ดีขึ้น ยิ่งถ้าเป็นพวกอนิเมะที่มีเรื่องกลยุทธ์หรือนโยบายบริหารมาเอี่ยว การเล่าเรื่องของบุคคลที่สามจะช่วยให้เราเข้าใจความซับซ้อนเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น ถ้าให้ยกตัวอย่างเรื่องอื่นๆ ที่เห็นถึงการเล่าเรื่องในมุมของบุคคลที่ 3 อย่างชัดเจนก็จะเป็นเรื่อง วานาดีสกับราชันกระสุนมนตรา เรื่องนี้ชัดมาก เพราะเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการรบ
แต่ถ้ามีการเล่าเรื่องเยอะเกินไปมันก็อาจจะกลายเป็นการสร้างความน่ารำคาญใจได้ ซึ่งภายในเรื่องนี้นั้นจัดว่ามีอยู่ในระดับที่พอดีๆ อีกทั้งการอธิบายแต่ละครั้งนั้นมักจะมีการสรรหาคำพูดที่ฮาๆ มาทำให้เราขำกับซีนเล็กๆ นี้ได้
- ความน่ารักของตัวละคร รวมถึงการสอดแทรกฉากความจิ้นฟินเล็กๆ ของคู่พระนางดี
จริงๆ และถ้าเราลองๆ สังเกตดูคู่พระนางนั้น ทั้งคู่นั้นสนใจกันและกันตั้งแต่แรกแล้ว คือถ้าไม่มีเรื่องภารกิจที่ครอบครองพื้นที่หัวใจของพวกเขาเกินครึ่งนั้น ตอนที่เขาเจอกันครั้งแรกในร้านเสื้อผ้าก็อาจจะเป็นจังหวะตกหลุมรักแบบชายหญิงทั่วๆ ไป จะเห็นได้ว่าความคิดของพวกเขาก็คือสนใจในรูปลักษณ์กันไปแล้วแน่ๆ แต่เพราะทั้งคู่มีภารกิจที่สำคัญกว่า มันก็เลยเป็นการประเมินเรื่องอื่นๆ ควบคู่กันไปจนกลบความสนใจที่อยู่ลึกๆ ในใจของพวกเขาไป อาจจะต้องเลือกคู่รักเพื่อภารกิจก็จริงๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขานั้นสะดุดตากันด้วยความรู้สึกตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว และพอมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันก็เลยมีโมเม้นต์มาสร้างความน่ารักให้กันและกันบ่อยๆ ความสวีทหวานอาจจะไม่ใช่ซีนใหญ่ของเรื่อง แต่ความน่ารักเล็กๆ นั่นก็ชวนจิ้นชวนฟินไม่เบาเลยค่ะ นอกจากโมเมนต์หวานแล้ว ก็ความน่ารักของน้องอาเนียเนี่ยแหละที่มันดีต่อใจมากจริงๆ
- ฉากบู้ แอคชัน สลับกับความตลกได้ลงตัว
มาถึงเหตุผลข้อสุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ฉากบู้ไม่ได้ขายความสนุกมันส์อย่างเดียว แต่ยังขายความหล่อเท่ และความสวยโหดของพระนางอีกด้วย ทุกฉากที่ลอยด์จะต้องออกไปสู้นั้นพกความหล่อมาสูงมาก สีหน้าที่เคร่งขรึม ไม่ค่อยจะแสดงอาการตกใจ หนำซ้ำความคล่องตัวและแข็งแรงก็ทำให้ภาพลักษณ์ของเขานั้นมันเท่มาก ด้านคุณยอร์นี่ก็ไม่เบาเลย เวลาเจ้าหญิงหนามออกทำภารกิจนี้ หนุ่มๆ หัวใจละลายตามๆ กันไปเป็นแถว จะว่ามีแต่ความบู้ ความสวยความหล่อก็ไม่ใช่ เพราะเขามีความตลกคั่นด้วย ทั้งเพื่อนที่เป็นแหล่งข่าวสุดฮาของพระเอก และไหนจะตอนที่พระนางสู้ด้วยกันครั้งแรก เพราะสถานการณ์บีบให้พวกเขาต้องโชว์ทักษะความชำนาญในการต่อสู้ แต่ก็ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนให้กันและกันรับรู้ได้ ก็เลยต้องโกหกงัดทุกเหตุผลขึ้นมาอ้างไปเรื่อย และแต่ละเหตุผลมันก็ฟังดูตลกจนไม่น่าจะมีใครเชื่อได้ แต่พวกเขาก็เชื่อกันซะงั้น ทั้งขำทั้งสนุก ต้องดูค่ะ แนะนำเลย