รีวิวอนิเมะ HELLO WORLD
เล่าถึง นาโอมิ เด็กหนุ่มที่อยู่ๆก็เจอกับ “ตัวเอง” ในอนาคตที่ย้อนอดีตมาเพื่อช่วยให้นาโอมิจีบเด็กสาวอย่าง อิจิเกียว รูริ ให้สำเร็จ โดยที่นาโอมิจากอนาคตได้บอกความจริงว่า แท้จริงแล้ว โลกที่นาโอมิกำลังอยู่นั้นเป็นเพียงข้อมูลในอดีตของโลกเสมือนที่เก็บข้อมูลไว้เท่านั้น !! รีวิวอนิเมะ HELLO WORLD รีวิวอนิเมะ
ต้องบอกเลยว่า Plot ของเรื่องนี้มันยอดเยี่ยมมากๆ นี่มัน Inception ของจักรวาลอนิเมะเลย ไอเดียของเรื่องมันดีมากจริงๆนะ ดูจบนี่แทบจะปรบมือให้ ฉากจบแค่ไม่กี่วิ ทำให้เราต้องกลับมาย้อนคิดถึงเรื่องทั้งหมดที่ดูมาอีกรอบ มันได้อารมณ์เหมือนฉากจบของ Inception เลย
ในด้านการดำเนินเรื่องนั้น เรียกได้ว่าแบ่งออกเป็นครึ่งแรก และ ครึ่งหลัง ได้อย่างชัดเจน พอเข้าครึ่งหลังปุ๊ป อามรณ์เปลี่ยนเป็นคนละฟีลเลย ส่วนตัวชอบครึ่งแรกมากกว่า การกำกับในช่วงแรกมันดีมากจริงๆ แต่ครึ่งหลังนั้นก็ยอดเยี่ยมในด้านของไอเดีย ประกอบกับฉากจบ ทำให้ผมยอมเรื่องนี้เลย (ผกก. Sword art Online)
ในด้านของคาแรคเตอร์ดีไซน์ พูดตรงๆว่าดีไซน์ออกมาได้ดีมาก ลายเส้นของตัวละครได้คุณ Horiguchi Yukiko เจ้าของลายเส้นของอนิเมะอย่าง K-On! , Tamako Market มาดีไซน์ให้ ทำให้ตัวนางเอกอย่าง อิจิเกียว รูริ น่ารักสุดๆ อีกทั้งยังได้นักแสดงชื่อดังอย่าง Hamabe Minami และ Kitamura Takumi (คู่พระ-นางจาก ตับอ่อนเธอนั้นขอฉันเถอะนะ) มาพากย์เสียงเป็น รูริ กับ นาโอมิ ซึ่งแม้จะไม่ใช่นักพากย์มืออาชีพ แต่ก็ทำออกมาได้ดีมากๆ
ในด้านเพลงประกอบนั้น ได้วง J-POP สุดดังอย่าง Official髭男dism มาร้องเพลงประกอบอย่าง Yesterday ให้ ซึ่งเพราะมากๆ นอกจากนั้นถ้าคุณลองตีความหมายของเพลงดูจะพบว่า ความหมายดีและเข้ากับเรื่องสุดๆด้วย แล้วในตอนนี้ ยอดวิวของเพลงนี้ก็ทะลุ 100 ล้านวิวไปแล้วด้วย แนะนำให้ไปลองฟังดู อนิเมะ
HELLO WORLD เธอ.ฉัน.โลก.เรา เป็นผลงานภาพยนตร์อนิเมชั่นแนวไซไฟโรแมนติกดราม่า ที่เหมือนจะกลายเป็นอะไรที่เฝือสำหรับคนที่เพิ่งจะได้สัมผัสงานของมาโกโตะ ชิงไก ทั้งลักษณะตัวอย่างที่ตัดออกมา ทั้งท่าทางตัวละครที่หลายคนมองว่ามันไม่ดีเอาซะเลย แต่ว่าในเมื่อเรื่องนี้ โทโมฮิโกะ อิโต้ จาก Sword Art Online Movie: Ordinal Scale มันก็ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว โดยงานนี้ต้องบอกก่อนเลยว่า มีคนไทยร่วมทำด้วย ใครได้ไปดูจนจบเครดิต
ก็หาชื่อให้เจอนะครับ555 ใครที่อยากทราบเกร็ดเพิ่มเติม อ่าน ที่นี่ ก่อนได้ ส่วน 3D ก็จัดเต็มโดยเอนจิ้น UNITY ที่เกมเมอร์ทั้งหลายรู้จักดี เพราะเกมสมัยนี้ผ่านเอนจิ้นนี้มาหมดแล้วทั้งนั้น เมื่อมันมาสู่หนังใหญ่มันจะออกมาเป็นยังไง แล้วเรื่องราวของความรักนี้มันพิเศษกว่าเรื่องอื่นยังไง มาอ่านเรื่องย่อกันก่อน
“ปี 2027 ณ เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น วันหนึ่งของ นาโอมิ คาตางากิ เด็กหนุ่มม.ปลายธรรมดาที่ไม่กล้าทำอะไร วัน ๆ เอาแต่อ่านหนังสือและหวังว่าชีวิตของตัวเองจะมีความหมายมากกว่าการกลืนไปกับสังคม ทว่าจู่ ๆ ก็ดันมีตัวเองจากในอนาคตมาบอกว่าเขาจะต้องเป็นแฟนกับ อิจิเกียว รูริ เพื่อนร่วมชั้น ผู้ไม่เข้าสังคม อนิเมะออนไลน
และดูเป็นคนน่ากลัวจนเขายังไม่กล้าเข้าใกล้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ ทำให้หัวใจเขาเปลี่ยนใจ แต่มันกลับมาพร้อมความจริงอันน่าตกใจว่า อีกสามเดือนข้างหน้า รูริ จะต้องตายโดยเหตุการณ์ประหลาด และมีเพียงแค่นาโอมิ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะหยุดเหตุการณ์นี้ได้ แต่ทว่านาโอมิไม่ได้ตระหนักเลยว่า ทุกสิ่ง มีราคาต้องจ่าย โลกของเขาเอง…”
การเล่าเรื่องเป็นไปอย่างรวบรัด ไม่ค่อยทิ้งจังหวะยืดเยื้อหรืออะไรที่เสียเวลา แต่จะมีอะไรที่เราจะสงสัย หรืองงงวยในตอนแรกซึ่งไม่ต้องตกใจ เพราะหนังจงใจให้ผู้ชมรู้สึกแบบเดียวกับตัวละคร เหตุการณ์แต่ล่ะอย่างที่ถูกรังสรรค์ไว้ไม่ให้ซับซ้อน ทำให้ในแง่ของมุมมองตัวละครจะค่อนข้างแคบไปสักหน่อย แต่แม้จะเป็นยังงั้น หนังก็ยังทำหน้าที่ในการพาคนดูค่อย ๆ ไปสัมผัสชีวิตประจำวันของตัวละคร และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ก่อนจะโยนเหตุการณ์ที่เรียกว่า “คาดเดาไม่ได้” ใส่เป็นระยะ ๆ เรียกได้ว่าดูไปเรื่อย ๆ ยังไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังมันจะมาอยู่ในสถานการณ์ตอนนั้นได้
แต่นอกจากสามตัวละครหลักในโปสเตอร์อย่าง อย่าง นาโอมิ ที่ตอนแรกมาเป็นตัวละครแนวผู้ชายธรรมดา แต่ก็ถูกเล่าไม่ให้ซ้ำซากจนเกินไป รูริที่ออกมาโปรยเสน่ห์ความน่ารักให้ใครหลายคนได้อมยิ้ม มีติดตลกหน่อย ๆ หรือเซนเซย์ ตัวนาโอมิจากอนาคตในสิบปีที่เป็นตัวละครผู้ใหญ่ที่สุดในเรื่องแล้ว ก็ไม่มีตัวละครไหนที่น่าจดจำเลย ตัวละครค่อนข้างจะแบน ออกมาเพื่อเป็นแบบนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้มีส่วนอะไรกับเนื้อเรื่องโดยเฉพาะบทของ มิเรอิ คาเดโนะโคจิ
ที่ออกมาแจกความสดใส ไม่ได้มีอะไรเลย แต่ก็ทำให้เรื่องราวไปข้างหน้า โดยไม่ต้องสำรวจอะไรมากมาย ฉะนั้นแล้วเนื้อเรื่องจึงไม่มีการหยุดพักหรือมีฉากเนือยเลยสักฉาก (ในความคิดผม) เพราะงั้นขอแนะนำให้อย่าละสายตาแม้แต่ฉากเดียวดีกว่า ไม่งั้นอาจจะงงได้ ดูอนิเมะ
ไม่เทียบกับงานอนิเมชั่นอื่น ๆ ที่ผ่านมาแล้ว ต้องบอกว่างานภาพของเรื่องโดดเด่นขึ้นมากว่าปกตินิดหน่อย เพราะในช่วงแรกของหนัง การเคลื่อนไหวของตัวละครจะค่อนข้างแปลก ๆ เรียกได้ว่าโดดจากทัศนียภาพของฉากที่ธรรมชาติดูจะเนียนกว่า เลยก็ว่าได้ แต่เหมือนพอปรับสายตา หรือ เข้าเนื้อเรื่องได้แล้วก็จะชินเอง งานสิ่งก่อสร้าง ตึกรามบ้านช่องสวยงาม แต่ดูโดด ๆ เพราะงานนี้เป็นงานที่ผสมผสานความเป็นอนิเมชั่นแบบ 2D ที่ออกมากับ 3D
จากการโปรแกรมที่พอออกมาในแต่ละฉากก็ว้าวใช้ได้ ไหนจะฉากที่เต็มไปด้วยแสงสีก็ทำออกมาได้อย่างน่าพิศวงและอัศจรรย์ เพราะเหมือนเอางานเก่าของผู้กำกับมาต่อยอดให้มีความจัดเต็ม เล่นใหญ่ขึ้น แต่ภาพก็ยังเคลื่อนไหวแปลก ๆ อยู่ดี ซึ่งในช่วงหนึ่งของหนังมันจะค่อนข้างกระตุก ๆ แบบงานที่เหมือนอยู่ผิดฝั่งไม่ค่อยกลมกลืนกับภาพ แต่ตอนนั้นชินแล้ว เลยไม่มีปัญหาอะไรมาก ดูอนิเมะออนไลน์
เรียกได้ว่าเตรียมใจไปฟังเพลงประกอบภาพยนตร์เลยก็ว่าได้ เพราะเห็นโปรโมททีมประพันธ์เพลงอย่าง 2027 Sound ที่ได้หยิบเอาวงดนตรี นักร้องมือฉมัง (ที่กำลังมีชื่อเสียง) มาร่วมกันทำให้หนังเรื่องนี้ ฟังไปเหมือนจะดีแต่เมื่อมันมาถูกเล่นในหนังมันกลับผิดจังหวะ และไม่ค่อยช่วยเสริมหนังเลย ใช่เพลงเพราะ ดนตรีดี แต่บางฉากตัวละครพูดมันกลับไม่สม่ำเสมอกับตัวละคร เราไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์ได้เลย หรือแม้แต่เพลงชูหลักสามเพลงก็ไม่ได้ช่วยขับเคลื่อนหนังได้ดีเท่าที่ควร แม้เพลงมันจะมีจังหวะหรือเนื้อหาเข้ากับหนังมากแค่ไหนก็ตาม
โดยเฉพาะเพลง Yesterday ของวง Official髭男dism ที่ตอนฟังรู้สึกอินมาก ๆ แต่กลับถูกใช้ในฉากธรรมดาที่ไม่มีผลกับเนื้อเรื่องอย่างน่าเศร้าใจ ทั้ง ๆ ที่เพลงเอื้อให้หนังเล่นอะไรได้เยอะกว่านี้มาก ทว่าในช่วงสุดท้ายของเรื่องเพลงกลับเด่นมาก เด่นจน น่าประหลาดใจ ยิ่งเพลง Lost Game ของ Nulbarich ในฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องคือ กลับมาได้อย่างงดงามพร้อมกับเพลงประกอบเอนเครดิตอย่าง Shinsekai (New World) โดยวง OKAMOTO’S ที่มงคลทำดีมากที่มีซับไทยให้เป็นเพลงสุดท้าย -_-
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่ามีความทะเยอทะยานต่อประเด็นในเรื่องมาก “โลก” ในหนังเรื่องนี้ถูกใช้ทั้งในนามธรรมและรูปธรรม สำหรับเรา คน ๆ หนึ่งที่เรารัก อาจเป็นโลกทั้งใบที่เราไม่อยากปล่อยให้มันหายไป หรือแม้แต่โลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้มันเป็นสิ่งที่เรายอมรับได้หรือไม่ แล้วเราจะพยายามทำมันให้ดีแค่ไหนหรือแม้แต่ความรักที่ต้องมีความรู้สึกเดียวกัน ถึงจะไปกันรอด ความรักมันผลักดันคนเราให้ไปได้ไกลเหมือนกับตัวละครในเรื่องจริง ๆ
หยิบจับองค์ประกอบไซไฟ ทั้งเทคโนโลยี และวิทยาการที่ไม่สามารถพูดถึงได้ เพราะจะเป็นการสปอยล์ มันคือการหยิบเอา ตอนใดตอนหนึ่งของ Black Mirror มาผสมกับ Inception เทความเป็นอนิเมชั่นแบบญี่ปุ่นลงไป ก็คือเรื่องนี้เนี่ยแหล่ะ แต่หนังก็ไม่ได้จะทะเยอทะยานจนต้องปีนบันไดดู เพราะหนังค่อนข้างจะมีคำอธิบายที่ชัดเจน แต่มีบางอย่างที่ต้องใช้ความรู้ และจุดสังเกตให้ดี ๆ มันอาจจะไม่ได้ถึงขั้นข้ามจักรวาลอะไรขนาดนั้น แต่ใกล้เคียงอยู่พอสมควร ที่ดูจบแล้วอาจต้องคิดตาม แต่ถ้าชมภาพยนตร์ไซไฟมาเยอะ ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ผมว่ามาน่าจะเข้าใจดี