รีวิวอนิเมะ Bojack Horseman
Bojack Horseman เป็นซีรีย์อนิเมะชั่นแนวซิทคอมที่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ ฉายทาง Netflix เรื่องราวของโบแจ็ค ฮอร์สแมน ดาราที่เคยโด่งดังอย่างสุดขีดจากซีรีย์ของเขาอย่าง Horsin’ Around เรื่องราวฟอร์วาร์ดมาในอีกหลายสิบปีต่อจากนั้นกับชีวิตของโบแจ็คในช่วงวัย 50 และผู้คนรอบตัวเขา รีวิวอนิเมะ Bojack Horseman รีวิวอนิเมะ
BoJack Horseman เป็นอนิเมชันแนวซิตคอมสำหรับผู้ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา สร้างสรรค์โดย Raphael Bob-Wakserg โดยมี Will Arnett ให้เสียงโบแจ๊ค ฮอร์สแมน ตัวละครหลัก ฤดูกาลแรกทั้งฤดูกาลออกให้รับชมผ่านเน็ตฟลิกซ์ เมื่อ 22 สิงหาคม 2014
ในช่วงแรกที่ออกฉาย อนิเมชันเรื่องนี้ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างก้ำกึ่ง โดยมีเสียงวิจารณ์เชิงบวกไปที่ครึ่งหลังของซีซั่นแรก อย่างไรก็ดีในซีซั่นต่อ ๆ มาก็ได้รับคำชื่นชมอย่างท่วมท้น จนได้รับการผลิตต่อจนถึงซีซั่นที่ 5 ในปัจจุบัน ซึ่งออกฉายพร้อมกันทั้งซีซั่นเมื่อ 14 กันยายน 2561 อนิเมะ
เรื่องราวว่าด้วยโบแจ็ค ฮอร์สแมน ดาราเก่ากับช่วงอายุ 50 ปีของเขา ซึ่งซีรีย์ก็จะพาเราไปสำรวจชีวิตประจำวันของเขากับความสัมพันธ์ของคนรอบข้าง ซึ่งถ้าจะให้พูดตรงๆกับคำนิยามตัวเขาก็คือ He is such a dick. เป็นผู้ชายที่ทัศนคติแย่ นิสัยแย่ เปิดตัวมาแบบ เออ เราคงไม่ชอบคนนี้ว่ะ แต่เพราะอย่างนั้นแหละ ซีรีย์เริ่มพาเราไปสำรวจอดีตของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการเขียนหนังสือชีวประวัติที่ได้ไดแอนมาเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้เขาเปิดใจเล่าเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเขามากขึ้น
ไม่ว่าตัวคุณเอง หรือหันไปมองคนอื่น ๆ รอบตัว พวกเขาอาจจะกำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ฉีกยิ้มกว้างให้กับมุกตลก สนุกสนานท่ามกลางเสียงเพลงและแสงไฟในงานปาร์ตี้ แต่เชื่อเถอะภายใต้ความสุขที่ฉาบไว้เบื้องหน้าเหล่านั้น…ทุกคนมีความแตกสลายซ่อยอยู่ภายใน ราวกับแผลเป็นที่ฝังอยู่ในหัวใจอย่างไม่มีวันจางหาย เป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนอย่างไม่รู้จบ อนิเมะออนไลน
บางคนโชคดีอาจใช้เวลาไม่นานในการก้ามข้ามผ่านมันมาได้ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่บาดแผลนั้นสาหัสเกินกว่าจะเอาชนะ โดนกัดกร่อนทั้งร่างกายและจิตใจจนแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ รู้ตัวอีกทีชีวิตก็หลงทางอยู่ในวังวนมืดมิดไร้ทางออก
“บางครั้งชีวิตมันก็เฮงซวย แต่เราก็ต้องอยู่ต่อไป”
โบแจ็ค ฮอร์สแมน ตัวละครเอกจากซีรีส์เรื่อง Bojack Horseman รวมถึงเพื่อน ๆ ของเขาสอนให้เรารับรู้ถึงเรื่องนี้ นี่คือหนึ่งในซีรีส์ที่เล่าเรื่องการแตกสลาย ความเจ็บปวดได้อย่างขื่นขมที่สุด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ตัวละครต้องประสบกับชะตาชีวิตที่ราวกับพระเจ้ากำลังกลั่นแกล้ง
พวกเขาไม่มีคำปลอบใจให้คนดู มีแต่การตบไหล่เบา ๆ แล้วบอกว่า “นี่แหละชีวิต”
เนื้อท่อนหนึ่งจาก Back in the 90’s เพลงธีมของ Bojack Horseman ซีรีส์การ์ตูนจิกกัดสังคมรอบด้าน และดำดิ่งถึงการค้นหาคำตอบของชีวิต ผลงานคุณภาพล้นแก้วจากการสร้างสรรค์ของ ราฟาเอล บ๊อบ-วักสเบิร์ก เข้าฉายทางแพลตฟอร์ม Netflix ในช่วงปี 2014-2020 บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
นั่นก็เพราะ โบแจ็ค ฮอร์สแมน ตัวละครเอกของซีรีส์เรื่องนี้ ในอดีตเขาคือสตาร์ดังจาก Horsin’ Around ซิทคอมที่เข้าฉายในช่วงทศวรรษที่ 80-90 (Horsin’ Around ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นสิ่งที่ผู้เขียนบทสมมติขึ้นมา) เป็นเรื่องราวของเด็กกำพร้า 3 คนที่ไม่มีความผูกพันใดๆ ทางสายเลือด แต่ต้องอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันโดยมีตัวละคร The Horse เจ้าม้าวัยกลางคนที่รับบทโดย โบแจ็ค ฮอร์สแมน คอยเป็นผู้ดูแล ให้คำปรึกษาเด็กๆ ในด้านต่างๆ เพื่อการเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
ถึงแม้เนื้อเรื่องจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ไปกว่าการเป็น “ซิทคอมตลกสำหรับเด็ก” ทั่วๆ ไป แต่ด้วยเคมีนักแสดงที่ลงตัวก็ทำให้ Horsin’ Around ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีการผลิตต่อเนื่องยาวนานนับ 10 ซีซั่น ก่อนที่สุดท้ายจะปิดฉากลงพร้อมการมาถึงของสหัสวรรษใหม่ ดูอนิเมะ
ซีรีย์เริ่มจากสร้างให้เราเกลียดตัวละคร ตัวอย่างเช่นโบแจ็ค เบียทริซ แล้วก็พาเราไปสำรวจชีวิตเบื้องหลังของคนเหล่านี้ แล้วมัน heartbreaking มาก ๆ มันทำให้เข้าใจว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นคนแบบนั้น หรือซีรีย์ก็สร้างคาแรคเตอร์ที่ดูแข็งแกร่ง ดูมีสติ ดูเข้าใจโลกอย่างไดแอน แล้วก็พาเราไปสำรวจว่าที่จริงตัวเธอโคตร fragile และไขว้เขวในชีวิตขนาดไหน หรืออย่างพริ้นเซส แคโรลินที่ตอนแรกดูจืดชืดและเหมือนนางร้ายทั่วไป แต่ที่จริงเธอไม่ใช่ เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักที่ทำตัวเป็นเข้มแข็งอีกตัวนั่นแหละ แล้วซีรีย์ก็สร้างทอดด์กับซาราห์ ลินน์ที่ดูไม่สนใจอะไรในชีวิต แต่ที่จริงตัวละครพวกนี้ไม่ได้เล่นขำขันธรรมดาไปวัน ๆ ว่ะ แม่งก็เป็นคนมีชีวิตจิตใจเหมือนกัน
ซีรีย์ไม่ได้สร้างตัวละครขึ้นมาเฉย ๆ แล้วทิ้งมันไป แต่พาเราไปสำรวจตัวละคร พอเราไปสำรวจเรื่องราว ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกผูกพันก็ตัวละครมาก หลายเหตุการณ์มันเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริง เจอได้กับคนทั่วไปในชีวิตเรา ซึ่งมัน touch มากๆ เพราะตัวละครแข็งแกร่ง การดำเนินเรื่องรอบตัวละครนั้นเลยแข็งแกร่งไปด้วย คือหลายๆตอนดูแล้วก็รู้สึกเมากาวนะ แต่พอใกล้จะจบซีซั่นเมื่อไหร่ เท่านั้นแหละ ความรู้สึกประดังเข้ามาอย่างรุนแรงทุกครั้ง มันเจ็บปวด และมันเป็นความจริงที่ทุกคนต้องยอมรับ
ช่วงหนึ่งของยุค 1990s โบแจ็ค เป็นนักแสดงดาวรุ่ง ใครต่อใครในฮอลลีวูดต่างคะเนว่าเขาจะกลายเป็นนักแสดงระดับต้นๆ ของวงการ แต่แล้วเมื่อเวลาล่วงผ่านไปอีกสามทศวรรษ สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือนักแสดงวัยห้าสิบผู้ใช้ชีวิตให้พ้นไปวันต่อวันด้วยการโอบกอดชื่อเสียงและอดีตอันแตกดับของตัวเอง หลับได้ด้วยแอลกอฮอลและตื่นได้ด้วยยาเสพติด ความทรงจำกลายเป็นสิ่งที่น่าชิงชัง ขณะที่อนาคตก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจทนนึกถึงเพราะมันไม่เหลืออยู่อีกแล้ว
ฟังดูเป็นเส้นเรื่องของหนังดราม่า เล่าเรื่องชีวิตแสนขมขื่นของคนวัยผู้ใหญ่ หากแต่จริงๆ แล้วนี่เป็นแอนิเมชันลายเส้น เล่าเรื่องจักรวาลของสัตว์ซึ่งทำกิจกรรมกันแบบมนุษย์ใน BoJack Horseman แอนิเมชันซีรีส์ความยาว 6 ซีซันที่เพิ่งปิดฉากลงไปเมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมา จับจ้องไปยังตัวละครที่ชื่อเดียวกับเรื่องอย่าง โบแจ็ค ฮอร์สแมน มนุษย์ม้าที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ย่านฮอลลีวูด ถูกหลอกหลอนด้วยอดีตท่ามกลางมิตรสหายที่ต่างแบกรับปัญหาชีวิตหนักหน่วงแตกต่างกัน
ฟังดูอาจเป็นเรื่องน่าประหลาดที่หยิบเอา BoJack Horseman มาเล่าหลังจากที่หนังปิดฉากลงไปแล้วปีกว่า แต่เรื่องราวของมนุษย์ม้าผู้ชอกช้ำกับชีวิตยังถูกพูดถึงอยู่เนืองๆ โดยล่าสุด BBC Culture จัดอันดับ ‘100 ซีรีส์ที่ดีที่สุดในศตวรรษที่ 21’ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี Game of Thrones, The Crown, Stranger Things รวมทั้ง BoJack Horseman ด้วย หรือหากจะอ้างกันด้วยเหตุผลส่วนตัว ซีรีส์ที่ว่าด้วยม้าเศร้านี้ก็นับเป็นซีรีส์ที่ผู้เขียนย้อนกลับไปดูซ้ำรอบแล้วรอบเล่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาเคว้งคว้าง ทั้งจากแผลลึกส่วนตัวหรือจากภาวะเสียหลัก ซึ่งอย่างหลังเกิดขึ้นบ่อยเมื่อชีวิตย่างเข้าสู่ห้วงเวลาของการควานหาหลักมั่น ดูอนิเมะออนไลน์
แน่นอนว่าเรื่อง BoJack Horseman ไม่ได้มอบคำตอบอะไรให้ ไม่แม้กระทั่งมอบความอุ่นใจให้ด้วยซ้ำ อันที่จริงมันเพียงกระซิบให้เรารู้ว่าไม่ได้มีแค่เราที่โอบกอดบาดแผลบางสิ่งหรือเผชิญหน้าบางอย่างเพียงลำพัง แต่มันยังมีมนุษย์ม้าเซื่องซึม, แมวเปอร์เซียบ้างาน, สาวลูกครึ่งเวียดนามที่เฝ้ามองหาตำแหน่งแห่งที่ของตนในโลกที่คล้ายจะทิ้งเธอไว้ข้างหลัง ตลอดจนดาราสาวติดยาที่กลบอดีตไว้ด้วยผงสีขาวเหล่านั้น สมกับที่ indiewire สำนักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดังมอบวลี “งดงามและสร้างความบอบช้ำทางจิตใจ” ให้แก่ซีรีส์เรื่องนี้
“บางทีฉันก็รู้สึกอย่างกับว่าตัวเองเกิดมาพร้อมรูรั่ว สิ่งดีๆ ที่พยายามทำมาตลอดมันค่อยๆ ไหลออกจากตัวช้าๆ จนหมด โดยที่ฉันไม่มีทางได้มันกลับคืนมาเลยด้วย สายเกินไป …แต่ชีวิตมันคือการไล่ปิดประตูทีละบาน ทีละบาน อย่างนั้นไม่ใช่หรือ”
BoJack Horseman เป็นซีรีส์ที่สลักเสลามาจากชีวิตส่วนตัวของผู้สร้าง ราฟาเอล บ็อบ-แวคส์เบิร์ก คนเขียนบทผู้แจ้งเกิดอย่างงดงามจากแอนิเมชันชวนหดหู่เรื่องนี้ ไม่ว่าจะในแง่มุมความรู้สึกผุพังต่อตัวเอง ความเปราะบางของความสำคัญไปจนภาวะหมกมุ่นอยู่กับการเสพยาเพื่อให้ลืมความชอกช้ำ ไอเดียเรื่องมนุษย์ม้าปรากฏขึ้นตัวขึ้นในช่วงที่บ็อบ-แวคส์เบิร์กท้อแท้อย่างถึงที่สุด ภายหลังจากย้ายมายังลอสแองเจลิส-เมืองที่ค่าครองชีพแพงหูฉี่เป็นครั้งแรก และพยายามเอาตัวรอดด้วยการเสนอบทให้สตูดิโอต่างๆ เอาไปทำเป็นซีรีส์
ต้นกำเนิดคือไอเดียหลุดโลกเรื่อง The Good Times Are Killing Me ซีรีส์คอเมดี้ เล่าถึงพ่อค้ากีโยตินที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในยุคสมัยแห่งความหวาดกลัว (Reign of Terror) ของการปฏิวัติฝรั่งเศส แต่ไม่มีสตูดิโอไหนคิดว่ามันน่าสนใจมากพอ เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่บ็อบ-แวคส์เบิร์กไปนอนบ้านเพื่อนซึ่งตั้งอยู่ในย่านหรูหราของฮอลลีวูด และระหว่างที่มองออกไปยังป้าย Hollywood อันเป็นแลนด์มาร์คของเมือง บ็อบ-แวคส์เบิร์กก็พลันนึกไอเดียเกี่ยวกับความโดดเดี่ยวและการควานหาตัวตนของมนุษย์ขึ้นมาได้ นั่นเองที่เป็นต้นกำเนิดของ BoJack Horseman ซีรีส์ที่ในเวลาต่อมาแจ้งเกิดให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้สร้างซีรีส์ว่าด้วยชีวิตและความเปราะบางเนื้อหอมของอุตสาหกรรมนี้ในที่สุด