รีวิวอนิเมะ ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์

รีวิว ] ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ Howl's Moving Castle (2004) Netflix | TrueID In-Trend
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาข้าวหอมได้ดู Howl’s Moving Castle (ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์) ภาพยนตร์อนิเมะของญี่ปุ่น ดูจากชื่อเรื่องแล้วตอนแรกข้าวหอมคิดว่าน่าจะเป็นการ์ตูนของทางฝั่งตะวันตกเพราะรู้สึกว่าความเชื่อในเรื่องของเวทมนตร์และชื่อของพ่อมดอย่าง “ฮาวล์” ฟังดูยังไงก็น่าจะเป็นชื่อของฝรั่ง แต่พอดูลายเส้นของภาพก็พอจะรู้ว่าเป็นสไตล์ของการ์ตูนญี่ปุ่น ซึ่งพอศึกษาข้อมูลในภายหลังจึงทราบว่าที่จริงแล้วอนิเมะเรื่องนี้สร้างโดยคนญี่ปุ่นจริง แต่ได้เค้าโครงเรื่องมาจากหนังสือนิยายของประเทศอังกฤษ จึงไม่แปลกที่ลักษณะตัวละคร และเรื่องราวต่าง ๆ รีวิวอนิเมะ ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ ในเรื่องจะออกแนวตะวันตก  รีวิวอนิเมะ 
รีวิว Howl's Moving Castle - ANIMETH-AREA
อนิเมะบอกเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของ “โซฟี” นางเอกของเรื่องที่เดิมทีเป็นเด็กสาววัย 18 ปี นิสัยขยันขันแข็ง มีอาชีพทำหมวกขายในร้านทำหมวกที่เธอรับช่วงต่อมาจากพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว โซฟีเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเอง เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่สวยและมีชีวิตที่น่าเบื่อ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย โซฟีถูกทหารสองคนทำท่าจะลวนลามเธอ “ฮาวล์” ที่บังเอิญผ่านมาเห็นได้เข้ามาช่วยเหลือเธอไว้ ทำให้แม่มดแห่งทุ่งร้างที่แอบชอบฮาวล์อยู่เกิดความไม่พอใจและร่ายคำสาบให้โซฟีกลายเป็นคนแก่อายุ 90 ปี อนิเมะใช้เวลาไม่นานในการเล่าเรื่องราวในตอนต้น ดูไม่ยืดเยื้อและน่าติดตามดีค่ะ โดยข้าวหอมเห็นว่าความสนุกและน่าตื่นเต้นของเรื่องเริ่มต้นขึ้นจากตรงจุดนี้เลย เพราะมันทำให้เราอยากรู้ว่าโซฟีในวัย 90 ปี จะทำอะไรต่อไป
ซึ่งหลังจากถูกสาบโซฟีก็ตระหนักว่าเธอไม่สามารถจะอยู่ที่บ้านต่อไปได้ เพราะแม้ว่าภายในเรื่องนี้ความเชื่อด้านเวทมนตร์และพ่อมดแม่มดไม่ได้ดูแปลกประหลาดหรือเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่แม่และน้องของเธอคงจะจำเธอไม่ได้แน่นอน โซฟีจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านและเดินทางไปยังหุบเขาที่เต็มไปด้วยพ่อมดแม่มด โดยระหว่างทางเธอก็ได้เจอกับบ้านเคลื่อนที่ของพ่อมดฮาวล์ ที่เคยช่วยเธอไว้เมื่อตอนต้นเรื่อง ด้วยความที่ฮาวล์เป็นเด็กหนุ่มที่น่าจะอายุไม่ต่างกับโซฟีมากทำให้เราพอจะเดาได้ว่าเขาต้องเป็นพระเอกของเรื่อง คือมันไม่ใช่อนิเมะที่เป็นเรื่องของการผจญภัยหรือเวทมนตร์เท่านั้น แต่มีประเด็นด้านความรู้สึกและความรักของหนุ่มสาวที่เป็นตัวเอกของเรื่องด้วย ดูหนัง
นอกจากเรื่องราวความรักของเด็กสาวในร่างคนแก่วัย 90 ปีกับพ่อมดหนุ่มทรงพลังและเวทมนตร์เจ๋ง ๆ อย่างบ้านที่มีขาสามารถเดินเคลื่อนที่ได้ ประตูวิเศษที่เชื่อมต่อไปยังสถานที่หลาย ๆ แห่งแล้ว ภายในเรื่องเราจะได้เห็นแง่มุมของการเมืองและการทำสงครามในยุคสมัยก่อนอีกด้วย ซึ่งองค์ประกอบทั้งหมดที่ว่ามาทำให้อนิเมะเรื่องนี้ดูไม่เด็กจนเกินไป
howl's moving castle
 มีมุขตลกและเวทมนตร์ชวนฝัน ผู้ใหญ่อย่างเราดูก็รู้สึกสนุก มีอะไรให้คิดตาม โดยรวมแล้วสามารถดูได้เพลิน ๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยค่ะ ซึ่งสุดท้ายแล้วโซฟีจะสามารถลบล้างคำสาบกลับมาเป็นเด็กสาวได้หรือไม่และเรื่องราวจะจบลงด้วยดีหรือเปล่า ใครอยากรู้ให้ไปติดตาม Howl’s Moving Castle  (ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์)  กันต่อที่ Netflix ได้เลยนะคะ และหากเพื่อน ๆ คนไหนที่มีกล่อง Trueid Tv ก็สามารถรับชมผ่านกล่องได้เลยค่ะ ดูหนังออนไลน์
สำหรับอนิเมะแนวแฟนตาซีเรื่อง Howl’s Moving Castle (2004) คงเป็นหนึ่งในอนิเมะเรื่องโปรดตราตรึงในใจผู้ชมไม่น้อย โดย Howl’s Moving Castle (2004) ได้ถูกดัดแปลงมาทำเป็นอนิเมะโดยสตูดิโอจิบลิ โดยมีต้นฉบับมาจากหนังสือนวนิยายของ ไดอาน่า วินน์ โจนส์ ( Diana Wynne Jones ) และตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1986  Howl’s Moving Castle (2004) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวเจ้าของร้านหมวกนามว่า “โซฟี”
ที่ต้องคำสาปให้กลายเป็นหญิงชราโดยแม่มดแห่งทุ่งร้างซึ่งเป็นแม่มดที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่ากลัว เธอจึงต้องออกจากบ้านเพื่อหาที่อยู่ใหม่ที่ห่างไกลจากผู้คนที่รู้จักและได้เจอกับเจ้าหุ่นไล่กาหัวผักกาดที่นำทางเธอให้ไปเจอกับปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ผู้มีฉายาว่าเจ้าชู้ ไม่รักจริงและกินหัวใจของหญิงสาวเป็นอาหาร
ความรู้สึกแรกที่ได้รับหลังจากดู Howl’s Moving Castle (2004) คือความรู้สึกดี อบอุ่นภายในใจ และรู้สึกแฮปปี้กับความสัมพันธ์ของตัวละครหลัก แม้ว่าจะไม่ใช่อนิเมะที่เน้นเรื่องราวรักโรแมนติกเป็นหลัก สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ตัวละครแต่ละตัวมีความสับสนและกังวลในจิตใจและไม่สามารถละทิ้งมันไปได้ แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ก้าวข้ามความรู้สึกนี้และมีความสุขกับชีวิตในขณะนั้น สำหรับ Howl’s Moving Castle (2004) เป็นอนิเมะที่ดำเนินเรื่องราวไปเรื่อย ๆ ตามสไตล์ของสตูดิโอจิบลิ เราจึงจะได้ซึมซับบรรยากาศของความแฟนตาซีได้อย่างเต็มอิ่ม สิ่งหนึ่งที่ชอบในส่วนของโครงเรื่องคือคาแรคเตอร์ของคุณยายโซฟีเพราะถึงแม้เธอจะโดนสาปแต่เธอก็มีทัศนคติที่เป็นบวกมาก ๆ จนทำให้เธอกล้าที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่างและมีความมั่นใจในตัวเองขึ้นมา
ในเรื่ององค์ประกอบของภาพก็ดีตามมาตรฐานของสตูโอ เพลงที่ใช้ประกอบก็ติดหูและน่าฟังจนสามารถทำให้ผู้ชมต้องกลับไปหาฟังเองหลังดูจบ เช่น เพลง Merry go round ที่เป็น Theme song ของ Howl’s Moving Castle (2004) โดย Merry go round เป็นเพลงที่มีเมโลดี้ที่ดูสดใส แต่แฝงไปด้วยประกายของความหม่นหมองในจิตใจ ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงนี้ก็รู้สึกว่าเพลงกำลังสื่อถึงเรื่องราวในชีวิตที่ทุกคนได้พบเจอมา บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ดี บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีปะปนกันไปเพราะชีวิตมีขึ้นมีลงตามจังหวะของมัน ดูหนัง 4k

รีวิวอนิเมะ ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์

 สิ่งที่เราทำได้คือการปล่อยใจให้สบายและไหลไปตามท่วงทำนองของชีวิต แม้ว่าจะต้องประสบกับความทุกข์หรือสิ่งที่เป็นเคราะห์กรรมตามความเชื่อ แต่สุดท้ายแล้วหากเราเชื่อและมีความหวังว่าเราจะผ่านไปได้ ความหวังและความปรารถนาก็จะประสบผล ส่วนตัวคิดว่าเพลงนี้สื่อถึงการเติบโตในทุกช่วงอายุ และการมีชีวิตอยู่ เหมือนกับม้าหมุน (Merry-go-round) ในสนามเด็กเล่นที่เด็ก ๆ ชอบและมีความสุขทุกครั้งที่ได้นั่ง เราก็แค่ต้องปล่อยให้มันเป็นไปและพยายามทำให้ตัวเองสนุกกับชีวิตบ้าง
แม้ชีวิตในแต่ละวันจะย่ำแย่แค่ไหน แต่หากเรายังชีวิตอยู่ก็ต้องดิ้นรนและพยายามต่อไป สิ่งหนึ่งที่อาจทำให้ Theme song ของ Howl’s Moving Castle (2004) ให้ความรู้สึกเศร้าและหม่นหมองนิดหน่อยเพราะในเรื่องจะมีพื้นหลังเป็นการทำสงคราม
รีวิวอนิเมะ ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์
สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดหลังจากดู Howl’s Moving Castle (2004) คือคาแรคเตอร์ของโซฟี เพราะในตอนแรกโซฟีเป็นหญิงสาวที่ใช้ชีวิตแบบมีแบบแผนและดูเป็นผู้ใหญ่โดยเธอรับช่วงต่อร้านทำหมวกของพ่อเพราะเธอเป็นลูกคนโตและคิดว่าควรทำต่อเพราะพ่อของเธอรักมันมาก จนน้องสาวเธอก็บอกว่าให้ใช้ชีวิตของตัวเองบ้างนะ ทำเพื่อตัวเองบ้าง และในวันนั้นเองที่เธอกำลังเดินทางไปเยี่ยมน้องสาว เธอก็ได้พบกับฮาวล์พ่อมดหนุ่มที่เข้ามาช่วยเธอไม่ให้โดนทหารพูดจา แทะโลมเธอ และในตอนนั้นเองโซฟีก็รู้สึกได้ว่าตนเองได้ตกหลุมรักพ่อมดฮาวล์เข้าแล้ว
 เธอพูดคุยเรื่องนี้กับน้องสาวเธอ เพราะน้องสาวเธอเป็นห่วงที่อยู่ดี ๆ โซฟีอยู่กับพ่อมด น้องสาวเธอบอกว่า “ถ้านั่นเป็นพ่อมดฮาวล์ เขาคงกินมันเลย” โซฟีตอบน้องสาวว่า “ไม่หรอก เขาชอบแต่คนสวย” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโซฟีไม่มีความมั่นใจในตนเอง คาแรคเตอร์ของโซฟีในช่วงเริ่มเรื่องนั้นจะเป็นหญิงสาวที่มีชีวิตประจำวันแบบเดิมซ้ำ ๆ เธอไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานอย่างวัยรุ่นคนอื่น ๆ และตัวเธอเองก็ไม่มีความมั่นใจในตัวเองด้วย แต่น่าแปลกหลังจากที่เธอโดนสาปให้เป็นหญิงชรา  ดูหนังออนไลน์ 4k
รีวิวอนิเมะ ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์
แทนที่เธอจะเสียศูนย์และทำอะไรต่อไม่ได้แต่กลับกลายเป็นว่าเธอช่วยตัวเองด้วยการที่คิดบวกและคิดว่าเธอแก่ก็จริง แต่เธอยังมีแขนและสองขาที่แข็งแรงที่สามารถเดินได้ หลังจากนั้นเธอจึงออกจากบ้านแล้วเริ่มต้นเดินทางด้วยตนเอง ซึ่งถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธออาจไม่ทำแน่ ๆ เธอใช้ชีวิตผจญภัยในแบบไม่มีใครสามารถคาดคิดได้ จนบางครั้งก็ทำให้เราคิดว่าที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตโดยยึดหลักกับอะไรมากเกินไปหรือเปล่า เราได้ชีวิตในแบบที่เราชอบแล้วหรือยัง เราควรกล้าที่จะเดินออกจากเซฟโซนของตนเองแล้วทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่ต้องการ
โดยพกความกล้าหาญและความมั่นใจไปด้วย แม้หนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่คาดคิด แค่นั่นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราได้เติบโตและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบโลกใบนี้ ในท้ายที่สุดโซฟีก็มีความมั่นใจ เธอทำในสิ่งที่ต้องการและรู้สึกและในที่สุดเธอก็หลุดพ้นจากคำสาป
อีกอย่างที่ประทับใจคือคาแรคเตอร์ของพ่อมดฮาวล์ เพราะมีเสน่ห์ อ่อนไหว ดูเจ้าชู้ ที่สำคัญเป็นคนไม่รักความสะอาด สังเกตได้จากปราสาทที่รกมาก ๆ พ่อมดฮาวล์เป็นพระเอกที่ไม่ได้มีนิสัยที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งส่วนใหญ่พระเอกในหนัง ซีรีย์ หรืออนิเมะ จะเข้มแข็งและพึ่งได้ แต่พ่อมดฮาวล์นั้นแตกต่างออกไป คาแรคเตอร์ของฮาวล์จะโชว์มุมที่อ่อนแอ สับสนในตนเองและเกรี้ยวกราด (นิดหน่อย) ซึ่งทำให้คาแรคเตอร์มีเสน่ห์และเข้าถึงง่าย ในส่วนตอนจบเป็นตอนจบที่แฮปปี้ ตัวละครทุกตัวได้ข้ามผ่านปัญหาและปมของตนเอง
รีวิวอนิเมะ ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์
เรียนรู้ที่จะให้อภัยและรักตัวเองมากขึ้น อย่างที่รู้ว่า Howl’s Moving Castle (2004) ดัดแปลงมาจากนิยาย ซึ่งในนิยายต้นฉบับจะมีภาคต่อของเรื่องนี้อยู่คือ Castle in the air ภาค 2 และ House of Many Ways ภาค 3 โดยภาคต่อทั้งสองเล่มจะเป็นหนังสือในชุดเดียวกันกับ Howl’s Moving Castle แต่จะมีเรื่องเป็นของตนเองและไม่ได้ต่อจาก Howl’s Moving Castle หากใครสนใจก็ลองไปหาซื้อกันได้
Howl’s Moving Castle (2004) เป็นอนิเมะที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจและทำให้ผู้ชมเพลิดเพลินไปกับการผจญภัยของตัวละคร เป็นอนิเมะที่ดูแล้วไม่เบื่อเลยตลอดสองชั่วโมง สามารถดูได้ใน Netflix และหากได้ดู Howl’s Moving Castle (2004) นอกจากจะตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวแฟนตาซีแล้ว อาจยังช่วยให้เราสามารถตกตะกอนอะไรดี ๆ ที่เราอาจคิดไม่ถึงหรือมองไม่เห็นมาก่อนก็ได้ค่ะ

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *