รีวิวคำจากลาของคิมหันต์ ณ ปลายอุโมงค์ อนิเมะ เรื่องราวอันลึกลับน่าพิศวง
รีวิวคำจากลาของคิมหันต์ จากต้นฉบับ Light Nove
คือ wasei eigo หรือศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่มาจากคำในภาษาอังกฤษ ไลท์โนเวลมักเรียกว่า ราโนเบะ หรือในภาษาอังกฤษ LN ความยาวเฉลี่ยของไลท์โนเวลคือประมาณ 50,000 คำ และเผยแพร่ในรูปแบบ bunkobon ไลท์โนเวลขึ้นอยู่กับกำหนดการเผยแพร่ที่หนาแน่น โดยตอนใหม่จะเผยแพร่ในช่วงเวลา 3 ถึง 9 เดือน
ไลท์โนเวลมักมีภาพประกอบในรูปแบบศิลปะมังงะ และมักถูกดัดแปลงเป็นมังงะและอะนิเมะ ในขณะที่ไลท์โนเวลส่วนใหญ่ได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือเท่านั้น แต่บางบทของพวกเขาได้รับการตีพิมพ์เป็นรายเดือนในนิตยสารกวีนิพนธ์ก่อนที่จะรวบรวมและรวบรวมในรูปแบบหนังสือ คล้ายกับวิธีการตีพิมพ์มังงะ
ซึ่งทางไลท์โนเวลพัฒนาจากนิตยสารเยื่อกระดาษ พล็อตเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้และแฟนตาซีแบบอิเซไก เพื่อเอาใจผู้ชม ในปี 1970 นิตยสารเยื่อกระดาษของญี่ปุ่นส่วนใหญ่เริ่มใส่ภาพประกอบที่จุดเริ่มต้นของแต่ละเรื่อง ถ้าหากชื่นชอบการรีวิวของเราสามารถติดตามการรีวิวของเราได้เลยที่ อนิเมะผจญภัย
และรวมบทความเกี่ยวกับอะนิเมะ ภาพยนตร์ และวิดีโอเกมยอดนิยม ทิศทางของไลท์โนเวลพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองผู้อ่านรุ่นใหม่ โดยไลท์โนเวลกลายเป็นภาพประกอบในรูปแบบศิลปะยอดนิยมอย่างสมบูรณ์ ซีรีส์ยอดนิยมจึงเริ่มพิมพ์ในรูปแบบนวนิยายที่เป็นที่รู้จักในปัจจุบัน
และบ่อยครั้งที่ไลท์โนเวลได้รับเลือกให้ดัดแปลงเป็นมังงะ อนิเมะ และภาพยนตร์คนแสดง บางส่วนได้รับการตีพิมพ์เป็นลำดับในนิตยสารวรรณกรรม และไลท์โนเวลมีชื่อเสียงในฐานะ ผลิตจำนวนมากและใช้แล้วทิ้ง
ในตัวอย่างที่รุนแรงคือคาซึมะ คามาจิที่เขียนนิยายหนึ่งเรื่องต่อเดือนเป็นเวลาสองปีติดต่อกัน และอัตราการหมุนเวียนของผู้เขียนก็สูงมาก ด้วยเหตุนี้ บริษัทสิ่งพิมพ์จึงค้นหาผู้มีความสามารถใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องด้วยการประกวดประจำปี
Natsu e no Tunnel, Sayonara no Deguchi ซึ่งหลายรายการจะได้รับรางวัลเงินสดและตีพิมพ์นวนิยายของตนให้กับผู้ชนะ Dengeki Novel Prize เป็นรางวัลใหญ่ที่สุด โดยมีผู้ส่งผลงานมากกว่า 6,500 เรื่อง ในปี 2013 ทุกปี พวกเขาทั้งหมดมีป้ายกำกับอย่างชัดเจนว่าเป็น ไลท์โนเวล
และจัดพิมพ์เป็นหนังสือปกอ่อนราคาถูก ตัวอย่างเช่น ราคาของ The Melancholy of Haruhi Suzumiya ในญี่ปุ่นคือ 540 เยน ซึ่งใกล้เคียงกับราคาปกติสำหรับหนังสือปกอ่อน ไลท์โนเวล และวรรณกรรมทั่วไปที่ขายในญี่ปุ่น
ในปี 2550 มีการประเมิน ว่าตลาดไลท์โนเวลอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านเยน 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น และมีการตีพิมพ์ประมาณ 30 ล้านเล่มต่อปี สำนักพิมพ์ย่อยของ Kadokawa Corporation
ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายเพลงหลักอย่าง Kadokawa Sneaker Bunko และ Dengeki Bunko มีส่วนแบ่งตลาด 70% ถึง 80% ในปี 2009 ไลท์โนเวลทำยอดขายได้ 30,100 ล้านเยน หรือประมาณ 20% ของยอดขายหนังสือปกอ่อนรูปแบบบุงโคบอนในญี่ปุ่นทั้งหมด เอาแค่ข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับต้นฉบับไปก่อนนะ
อนิเมะจากผู้กำกับ Tomohisa Taguchi
ทากุจิ เป็นผู้กำกับคนเก่งที่ดัดแปลงเรื่องนี้
เรื่องราวของสองวัยรุ่นหนุ่มสาว
ในขณที่ ฮานาชิโระ อันซุ ที่ให้พากย์เสียงโดย Iitoyo Marie เพิ่งจะย้ายเข้ามา คาโอรุเคยได้ยินเรื่องเล่าของอุโมงค์อุราชิมะ นอกจากจะมอบทุกสิ่งที่เราต้องการแล้ว เวลาของที่นั่นยังแตกต่างจากภายนอก แต่ก็มีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนนั่นคือ ช่วงชีวิตของเรา
คือตำนานท้องถิ่นที่ลอยเข้าหูของคาโอรุ เมื่อเราเดินเข้าไปในอุโมงค์นั้น เราจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่สิ่งที่เราต้องแลกเปลี่ยนก็คือ อายุของเราจะเพิ่มขึ้น
เขาค้นพบเข้ากับอุโมงค์นั้นโดยบังเอิญและคาดคิดว่ามันน่าจะใช้อุโมงค์อุราชิมะที่ร่ำลือ ด้วยความมุ่งหวังจะพาคาเรน น้องสาวที่เสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อนกลับมา
เขาจึงเลือกจะเข้าไปพิสูจน์ความจริงเพียงลำพัง ก่อนจะพบว่าฮานาชิโระ อันซุ ก็ล่วงรู้การกระทำของเขา ในที่สุด ทั้งสองจึงร่วมกันเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต่างต้องการ
ถือได้ว่าเรื่องนี้ คำจากลาของคิมหันต์ ณ ปลายอุโมงค์ เพลง ก็เป็นแอนิเมชันจากญี่ปุ่นที่บอกเล่าเรื่องราวแฟนตาซี ผสมผสานพล็อตย่อยเรื่องครอบครัวและความฝัน แถมในนั้นยังเล่าถึง ความสูญเสีย และความรู้สึกผิดประกอบเข้าไปด้วย
โทโนะ คาโอรุ ผู้ที่สูญเสียคาเรนน้องสาวไปเมื่อ 5 ปีก่อน เขายังมองว่าตัวเองคือสาเหตุของการตายของน้องสาว เขาอาศัยอยู่กับพ่อผู้ซึ่งเมามายและมักกล่าวโทษเขาอยู่เป็นประจำ
เลยส่งผลให้เขามุ่งหมายจะนำคาเรนกลับมา เมื่อพบเจอกับอุโมงค์เข้าด้วยตนเอง จึงเลือกจะเดินเข้าไปสำรวจในนั้น ก่อนจะล่วงรู้ความจริงบางอย่างของอุโมงค์แห่งนี้
รีวิวคำจากลาของคิมหันต์ แนะนำตัวละคร
ในตัวเมืองชนบทแห่งหนึ่ง อาศัยอยู่กับพ่อตามลำพัง มีปมในใจเพราะเหตุการณ์ในวัยเด็ก เขาบังเอิญค้นพบอุโมงค์ที่ลือกันว่าหากเข้าไปในอุโมงค์แห่งนี้จะทำให้สมตามความปรารถนา ซึ่งความต้องการของเขาคือการพาตัวน้องสาวที่เสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อนกลับคืนมา
คำจากลาของคิมหันต์ ณ ปลายอุโมงค์ ตัวละคร ตัวละครที่สอง คือ ฮานาชิโระ อันซุ เป็นนักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลายปีที่ 2 ที่เพิ่งย้ายมาจากโตเกียว หน้าตาดีและจิตใจแจ่มใส ในวันแรกของการย้ายเข้ามา
เธอบังเอิญพบกับคาโอรุที่กำลังสำรวจอุโมงค์ลึกลับเข้าพอดี เธอและคาโอรุจึงตกลงร่วมมือกันเพื่อสำรวจอุโมงค์แห่งนี้เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างต้องการ
ตัวละครที่สาม คือ โทโนะ คาเรน เป็นน้องสาวของคาโอรุที่เสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้คาโอรุตามหาอุโมงค์แห่งความปรารถนาเพื่อพาน้องสาวกลับคืนมา
ตัวละครที่สี่ คือ คากะ โชเฮย์ เป็นเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนสนิทของคาโอรุ
ตัวละครที่ห้า คือคาวาซากิ โคฮารุ เป็นเพื่อนร่วมชั้นของอันซุ มักคอยจับตาดูอันซุอยู่ตลอดเวลา
ในสำหรับตัวหนังมีประเด็นและปมของตัวละครเอกที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องในวัยเด็กของพระเอกและนางเอกลากยาวมาถึงสถานการณ์ปัจจุบันของทั้งคู่ ส่วนอีกเรื่องคือความพิศวงของอุโมงค์อุระชิมะที่ทำให้ความปรารถนาเป็นจริง
โดยแลกมากับเวลา 2 ประเด็นนี้เป็นตัวที่ทำให้หนังเรื่องนี้สามารถดำเนินต่อไปได้ ในระหว่างทางก็พัฒนาความสัมพันธ์ของคู่พระนางไปด้วย แต่ส่วนตัวว่าเรื่องนี้พึ่งพาคนดูค่อยข้างเยอะ มีจุดที่ต้องให้ไปคิดต่อเองเยอะซึ่งชัดเจนมากในช่วงท้ายของเรื่อง
แถมตัวประกอบของเรื่อง คำจากลาของคิมหันต์ ณ ปลายอุโมงค์ สปอย ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ยิ่งตัวประกอบผู้ชายเหมือนใส่ให้มาแซวพระเอกไม่กี่วิเฉย ๆ ในส่วนของเรื่องความรักถึงส่วนตัวจะรู้สึกเหมือนเร่ง ๆแต่ก็พอมีจังหวะน่ารัก อมยิ้ม
อยู่บ้างไม่น้อยทำให้ไม่รู้สึกหนักกับปมของพระเอกมากจนเกินไป แล้วก็มีอีกอย่างที่ชอบในหนังเรื่องนี้คือการที่ใช้ภาพเล่าเรื่องในเชิงสัญลักษณ์พื่อเล่าประกอบ เพิ่มเติมอารมณ์โดยรวมในฉากนั้น ๆ ได้ดีมากอย่างเช่น
ในเรื่องจะปรากฏฉากที่มีเครื่องบินอยู่บนท้องฟ้าที่ออกมาให้เห็นบ่อย ๆ เป็นการบอกใบ้ถึงสถานะของคู่พระเอกนางเอกในอนาคต เป็นกิมมิคที่น่าสนใจมากทีเดียวเลยล่ะ
ด้านงานภาพสวยคุ้มค่า
และฉันคิดว่านอกเหนือจากความรู้สึกผิดที่ทำให้โทโนะอยากพอน้องสาวกลับมา ที่เรื่องนี้พยายามที่จะสื่อกับคนดู อันซุเองก็มีความต้องการของตนเองเช่นกัน แต่ความต้องการของเธอเกี่ยวข้องกับความปรารถนาที่ลึกเข้าไปข้างในจิตใจ
เธอมีความสามารถด้านการวาดการ์ตูน และมองเห็นผู้คนมากมายที่ตะเกียกตะกายอยู่กับความล้มเหลว เธอจึงมุ่งหมายจะประสบความสำเร็จในแวดวงนี้ให้ได้ และก็หวังว่าจะอุโมงค์อุราชิมะจะช่วยให้ความต้องการนี้ของเธอเป็นจริง
และในเรื่อง คำจากลาของคิมหันต์ ณ ปลายอุโมงค์ พากย์ไทย งานภาพนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลย รู้สึกได้ทันทีตั้งแต่ไม่กี่นาทีแรกของแอนิเมชัน ภาพสวยและละเอียดลออจริง ๆ ขณะเดียวกัน หนังก็มีช่วงเวลาที่เงียบไร้ดนตรีประกอบอยู่ไม่น้อย
แต่เขาก็แทรกมุกตลกเข้ามาเป็นระยะ ในระหว่างนั้น หนุ่มสาวทั้งสองที่เริ่มรู้จักกันที่สถานีรถไฟริมทะเลที่เต็มไปด้วยต้นทานตะวัน ก็ร่วมกันสำรวจและทดลองเพื่อหาความจริงของอุโมงค์แห่งนี้
สิ่งที่รู้สึกได้อย่างหนึ่งคือ แอนิเมชันจากญี่ปุ่นนี่ค่อนข้างเน้นใส่ฉากที่มีดอกไม้ไฟกันเสียจริง ๆ อาจเพราะมันแสดงถึงความสุขและความหวัง
ซึ่งมักเป็นประเด็นที่ถูกหยิบมาเล่าอยู่ในทุกเรื่อง แต่กับเรื่องนี้ ฉันชอบในกิมมิกของเครื่องบินบนท้องฟ้า ที่บางครั้งเป็นลำเดียว บางหนก็เป็นสองลำ แถมบางครั้งก็บินเข้าหากันด้วย
แม้จะดูเป็นหนังที่เน้นความเงียบและนิ่ง แต่ก็พบว่าทำงานกะจิตใจได้ดี โดยเฉพาะองก์สามที่ฮุคได้อย่างเด็ดดวงมากพอจะเรียกน้ำตาให้รื้นขึ้นมา แม้โดยรวม อาจไม่ถึงกับประทับใจแต่ก็ถือว่าชอบหนังอยู่พอควรเลย ส่วนใครที่ติดตามภาพยนตร์แล้ว อยากจะได้ฉบับหนังสือไว้อ่านเลย 5555
มาในเรื่อง คำจากลาของคิมหันต์ ณ ปลายอุโมงค์ ซับไทย ของงานภาพกันบ้าง เริ่มจากตัวสตูดิโอก่อนเลย CLAP Studio ตอนแรกที่เห็นชื่อนี้ยอมรับตรง ๆ ว่าไม่รู้จักครับแต่ว่าชื่อเสียงไม่ได้บอกถึงคุณภาพของงาน ด้านงานภาพทำออกมาได้ดี ภาพสวยสมกับเป็นอนิเมะจอเงินและเท่าที่ดูก็ไม่มีฉากที่เผาเลย
แอนิเมชั่นการแสดงสีหน้าท่าทางต่าง ๆ รวมไปถึงการถ่ายทอดอารมณ์ของฉากสำคัญ ๆ ก็ทำออกมาได้ดีมากเช่นกัน
ในส่วนของเพลงประกอบก็ดีงามมาก ถึงผมจะติดช่วงเล่น MV อยู่บ้าง แต่ในฉากอื่น ๆ นั้นถือว่าช่วงดึงอารมณ์ได้ดีมากเลย ใครที่ชื่นชอบอนิเมะแนวเรื่องราวออกแนวแฟนตาซีนิด ๆ เรื่องนี้ไม่ควรพลาด